ไขข้อข้องใจ! กาแฟกับสุขภาพ..ให้โทษหรือประโยชน์มากกว่ากัน?

เหล่านักดื่มกาแฟทั้งหลาย ที่หลงใหลรสชาติและกลิ่นที่สุดแสนจะหอมหวลชวนกินในทุกๆ เช้า เป็นเครื่องดื่มที่กลายเป็นวัฒนธรรมและส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยที่ขาดไม่ได้ คนส่วนใหญ่ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมสัมผัสรสชาติของกาแฟกันจนกลายเป็นกิจวัตร เป็นตัวช่วยรองท้องกันก่อนเมนูอาหารเช้า

และที่สำคัญเป้าหมายของพวกเขาคือกระตุ้นสมองให้กระปี้กระเปร่า พร้อมสำหรับการทำงานระหว่างวันให้ได้มากกว่าปกติ แต่ด้วยข้อสงสัยมากมายกับเจ้าพืชชนิดนี้ว่าแท้จริงแล้วการดื่มในทุกๆ วัน จะให้โทษหรือไม่ หรือจะมีประโยชน์อย่างไร เราลองมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันดูค่ะ

คาเฟอีน..สารสำคัญในเครื่องดื่มกาแฟที่นักดื่มควรรู้จัก

สารคาเฟอีนเป็นสารประกอบที่พบได้ในเมล็ดกาแฟ หลังผ่านการคั่วบดและนำมาชงเป็นเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นสำเร็จรูปหรือแบบกาแฟสด คาเฟอีนจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลของคนส่วนใหญ่ที่เลือกดื่มกาแฟกันเป็นกิจวัตร จนกระทั่งใช้มันเป็นตัวกระตุ้นร่างกายให้สามารถทำงานได้มากกว่าประสิทธิภาพที่ควรมี โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องอดหลับอดนอนและทำงานดึกดื่น คาเฟอีนช่วยกดระบบประสาทให้ตื่นตัวได้

สารชนิดนี้หากได้รับในปริมาณที่พอดีย่อมไม่สงผลเสียต่อร่างกายอย่างที่หลายคนเข้าใจมาตลอด เนื่องจากคาเฟอีนมีส่วนช่วยป้องกันอาการปวดไมเกรน ช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น มีพลังในการทำงานได้มากขึ้น อีกทั้งบางรายยังดื่มคาเฟอีนเพื่อกระตุ้นให้ตัวเองสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นอีกด้วย

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ควรให้ร่างกายได้รับในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป หรือประมาณ 100 มิลลิกรัม ก็เพียงพอแล้วต่อวันที่จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากกว่าโทษ ส่วนใครที่ได้รับคาเฟอีนมากกว่า 600 มิลลิกรัม จะทำให้ร่างกายได้รับการกระตุ้นหนักขึ้น เกิดภาวะใจสั่น ตามมาด้วยอาการตื่นเต้น กระวนกระวายได้ง่าย

ดื่มกาแฟอย่างไรให้ได้ประโยชน์มากกว่าโทษ

กาแฟคือสมุนไพร หากดื่มในปริมาณที่พอดี แต่มันจะกลายเป็นพิษขึ้นมาทันทีหากรับในปริมาณที่ร่างกายไม่สามารถรับได้ไหม เช่น คนที่ต้องการฝืนร่างกายให้ทำงานหนักเกินเวลา หรือคนที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้กาแฟเป็นตัวกระตุ้นตัวเอง เหล่านี้ย่อมเกิดผลข้างเคียงในอนาคตตามมาได้

ปริมาณที่เหมาะสมในแต่วัน เพียงแค่ 1-2 แก้ว ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการช่วยกระตุ้นร่างกายและเพื่อสุขภาพ ส่วนปริมาณคาเฟอีนมาตรฐานโดยเฉลี่ยไม่ควรเกิน 300 มิลลิกรัม และควรเข้าใจด้วยว่าปริมาณคาเฟอีนในกาแฟสดมีมากกว่าในกาแฟซองสำเร็จรูป

ทั้งนี้ช่วงเวลาในการดื่มกาแฟที่ควรหลีกเลี่ยงคือช่วงหัวค่ำ เพราะจะทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้ในเวลากลางคืน หรือหลับได้ยาก ส่วนบางกลุ่มที่มีโรคประจำตัวอย่างความดันและโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงและหันไปดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นแทนเพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบขึ้นมาได้นั่นเองค่ะ