อาการคันปากมดลูก เรื่องที่ผู้หญิงไม่ควรนิ่งเฉย

อาการคันปากมดลูก เป็นอีกอาการหนึ่งที่สร้างความรำคาญใจให้ผู้หญิงมากทีเดียว โดยเฉพาะเวลาอยู่ในที่สาธารณะ จะทำอะไรก็ไม่สะดวก จะเกาก็กลัวมีคนเห็น เฮ้อ กลุ้มจริงๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ

แต่รู้ไหมว่าอาการคันปากมดลูกนั้น เป็นอาการหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญใจเท่านั้นแต่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคบางโรคก็ได้ เพราะฉะนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าอาการคันปากมดลูกนั้นเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

เชื้อราในช่องคลอด

เมื่อเป็นเชื้อรา แน่นอนอยู่แล้วว่าอาการคันย่อมมาเป็นอันดับหนึ่งเลย แต่เชื้อราในช่องคลอดนี่สิหลายคนอาจจะไม่รู้เลยว่าเป็น หากไม่สังเกตจากอาการเหล่านี้ คือมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด ตกขาวมีสีขุ่นและอาจมีกลิ่นเหม็น ซึ่งอาจเกิดจากการใส่กางเกงในที่ไม่สะอาดและไม่แห้งสนิทนั่นเอง

การอักเสบในช่องคลอด

เมื่อช่องคลอดเกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม จะทำให้เกิดอาการคันบริเวณปากมดลูกได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีผื่นคัน ตกขาวและอาการปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย โดยการอักเสบในช่องคลอดนี้ จะพบบ่อยในคนที่กินยาคุมหรือในขณะตั้งครรภ์นั่นเอง

แพ้ผ้าอนามัย

บางครั้งอาการคันปากมดลูก อาจจะเกิดจากการแพ้ผ้าอนามัยได้เช่นกัน เนื่องจากผ้าอนามัยบางยี่ห้อจะมีสารที่ไม่ถูกกับผิวของเรา เมื่อสัมผัสกับผิวบริเวณนั้นจึงทำให้เกิดการแพ้และมีอาการคันได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นลองสังเกตดูว่าผ้าอนามัยที่คุณใช้เป็นสาเหตุของอาการคันหรือเปล่า ถ้าใช่ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยยี่ห้อใหม่ทันที แต่หากยังไม่หายจากการระคายเคือง ก็ควรไปพบแพทย์

ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์

การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์มีหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งชนิดที่ก่อให้เกิดอาการคันปากมดลูกอย่างรุนแรงจะมี 2 ชนิดเด่นๆ คือ โรคแคนดิดาและทริโคโมแนส นั่นเอง โดยทั้งสองโรคนี้จะมีอาการคันร่วมกับการตกขาวและการอักเสบร่วมด้วย สามารถรักษาได้ด้วยการกินยาฆ่าเชื้อหรือการเหน็บยา และจะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ชั่วคราวด้วย

โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน ก็ทำให้เกิดอาการคันบริเวณปากมดลูกได้เหมือนกันนะ เพราะเมื่อเป็นเบาหวาน ร่างกายของเราจะติดเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณปากมดลูกนั่นเอง ดังนั้นหากเกิดอาการคันมากจนผิดปกติ ลองไปตรวจหาเบาหวานดูนะ

เมื่อมีอาการคันปากมดลูก สาวๆ ไม่ควรนิ่งนอนใจนะ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณกำลังเป็นโรคอะไรอยู่ก็ได้ ควรสังเกตอาการเพิ่มเติมและไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป