หน้าพัง! เพราะลองเครื่องสำอางตามเคาเตอร์
มีสาวๆ หลายคนบ่นกลุ้มใจว่าผิวหน้ามีปัญหาสิวบ่อยๆ บางครั้งก็มีอาการระคายเคืองแปลกๆ เกิดขึ้น สอบถามแล้วก็จะบอกตรงกันว่า ก็ดูแลใบหน้าตามปกติ แต่งหน้า ล้างหน้า บำรุงผิวหน้าเช่นเคย แต่อาการเพิ่งจะมาปรากฏไม่นาน...ทบทวนอยู่สักพัก ก็มาฉุกคิดได้ว่า หรือจะเป็นเพราะผลจากการทดลองเป็นแบบให้บีเอเครื่องสำอางตามเคาเตอร์ต่างๆ ลองแต่งหน้า???
หากสมมติฐานของสาวๆ ออกมาเป็นแบบนี้ อย่านอนใจและคิดว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ถึงไม่ไปทำแบบสำรวจ แค่หลักสุขอนามัยขั้นพื้นฐานก็ถือว่าผิดแล้ว หากเคาเตอร์เครื่องสำอางตามห้างไม่เคยเปลี่ยนอุปกรณ์แต่งหน้าหรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ก็ปนเปื้อนจากการต้องเอาอุปกรณ์ (ซึ่งสัมผัสหน้าสาวๆ มาไม่รู้กี่สิบคน) จุ่มแต้มลงไปซ้ำๆ กัน...
แม้เคาเตอร์แบรนด์ส่วนใหญ่จะคำนึงถึงความสะอาด สั่งให้พนักงานเปลี่ยนหรือทำความสะอาดอุปกรณ์ทดลองแต่งหน้าให้ลูกค้าเป็นประจำ แต่ก็ใช่ว่าความเผลอเรอหรือตั้งใจจะไม่เกิดขึ้น ในเมื่อลูกค้าเองก็ไม่ได้มานั่งเฝ้าว่าสาวๆ บีเอจัดเตรียมอุปกรณ์แต่งหน้าอย่างไรก่อนจะที่เราจะใบหน้าไปเป็นเหยื่อความงาม ถาดแป้ง ถาดบลัชออน ถาดอายแชโดว์ที่เห็นแหว่งๆ ไป จะรู้ได้อย่างไรว่าเพิ่งแกะกล่องออกมาใช้ หรือเก่าเก็บไว้จนฝุ่นรามาเยือนเต็มถาด
หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะพาใบหน้าไปสังเวยเคาเตอร์แต่งหน้าตามห้าง ก็ขอให้ท่องกฏเตือนใจเอาไว้ทุกครั้ง เพื่อที่จะได้เตรียมตัว-เตรียมใบหน้า ทั้งก่อนและหลังเป็นหนูทดลองให้กับเคาเตอร์อย่างปลอดภัยที่สุด...
- หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่จะต้องสัมผัสด้วยมือ เมคอัพอาร์ติสท์หรือช่างแต่งหน้าตามเคาเตอร์มักจะป้ายบลัชออน อายแชโดว์ รองพื้น บริเวณหลังข้อมือ แล้วใช้นิ้วจุ่มจิ้มขึ้นมาป้ายๆ ทาๆ บนหน้าเรา หากไม่แน่ใจ คุณร้องขอได้ว่าขอเครื่องสำอางแบบปั๊มจากขวด บีบจากหลอด หรือมีช้อนพลาสติกเล็กๆ ป้ายจากกระปุก แล้วค่อยเกลี่ยด้วยพัฟหรือแปรงจะดีกว่า
- หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่น คุณสาวๆ คงเถียงขาดใจว่าจะเลี่ยงยังไงได้กับเคาเตอร์เครื่องสำอางแบบนั้น สอบถามพนักงานก่อนลงมือแต่งหน้าไปเลย ว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีการใช้ครั้งเดียวแล้วเปลี่ยนหรือทิ้งบ้างหรือไม่ หากไม่แน่ใจว่าพนักงานจะตอบตามจริง ก็ขอเลือกอุปกรณ์ใหม่แกะออกจากกล่องให้เห็นไปเลยดีกว่า คุณมีสิทธิ์เต็มที่ในฐานะลูกค้า และพนักงานเองก็ควรต้องซื่อสัตย์กับลูกค้าด้วยเช่นกัน
- หมั่นเช็ด-ฆ่าเชื้อทุกครั้ง ไม่ต้องกลัวว่าพนักงานจะแอบเมาท์ว่าคุณอนามัยจัดหรือเรื่องมาก เพราะหากใบหน้าพังขึ้นมา แม่ช่างแต่งหน้าทั้งหลายก็คงไม่ยอมรับว่ามีส่วนทำให้คุณหน้าพัง ดีไม่ดีคุณจะถูกโยนให้ยอมรับว่าผิดเองที่เลือกมาแต่งหน้ากับแบรนด์เขา...แต่นั่นอาจเป็นเรื่องแย่ๆ เพียงส่วนน้อยที่เกิดขึ้น เพราะกฏของแต่ละเคาเตอร์ก็จะมีอยู่แล้วเรื่องความสะอาดปลอดเชื้อเพื่อลูกค้าให้มากที่สุด
อย่างน้อยที่สุดกระดาษเช็ดหน้าก็ไม่ควรขาดจากเคาเตอร์ จำเป็นอย่างมากหลังลงลิปสติก ส่วนลิปสติกแท่งทั้งหลายหากพนักงานไม่ได้เตรียมแปรงลิปสติกไว้ ก็ต้องดูด้วยว่ามีการเฉือนลิปสติกส่วนที่ใช้แล้วก่อนหน้านี้ออกไปหรือยัง เพราะเชื้อโรคจากริมฝีปากหากผ่านกันมาเป็นทอดๆ จนถึงปากคุณก็คงเป็นอะไรที่สยองมาก หรือหากจะเพิ่ม แอลกอฮอล์ทำความสะอาด ตามไปด้วยก็ช่วยได้เช่นกัน...จำไว้เสมอว่า อย่าทดลองเครื่องสำอางหรือชุดแต่งหน้าที่ล้างออกยาก หรือล้างออกไม่ได้ เช่น อายครีม หรือครีมบำรุงผิวหน้าทั้งหลาย เพราะเชื้อโรคปะปนได้ง่ายและยังก่อให้เกิดอาการแพ้สูง
- ต้องรู้ว่าอะไรควร-ไม่ควรลอง ผิวหน้าของคุณอาจบอบบางกว่าที่คิด หลายคนไม่รู้ตัวจนกระทั่งเสียท่าให้เคาเตอร์แต่งหน้ามานักต่อนัก หากเลี่ยงได้ที่จะลองก็ขอแนะนำว่าเลี่ยงดีกว่า โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่เกี่ยวข้องกับดวงตา เช่น อายแชโดว์ มาสคาร่า ขนตาปลอมทั้งหลาย หลังลองเสร็จหากมีเชื้อแบคทีเรียปะปนก็จะนำมาซึ่งความคัน ระคายเคือง แสบเป็นผื่นแดง หรือแพ้รุนแรงกว่านั้น อีกบริเวณที่ควรหลีกเลี่ยงการทดลองเครื่องสำอางเช่นกันคือบริเวณรอบๆ จมูก และริมฝีปาก นี่คือในกรณีของคนที่เสี่ยงหรือรู้ตัวว่าจะเกิดอาการแพ้ได้ง่ายกว่าคนอื่น
แวะเคาเตอร์แต่งหน้าครั้งต่อไป อย่าลืมจำให้ขึ้นใจ ก่อนหน้าใสๆ จะพังโดยใช่เหตุ