3 โรคพึงระวัง ระบาดหนักช่วงหน้าฝน !
หน้าฝนถือว่าเป็นช่วงที่เชื้อโรคต่างๆ ในอากาศสามารถแพร่กระจายตัวสร้างปัญหาสุขภาพให้กับเราได้ง่าย ด้วยความชื้นและอากาศที่เป็นใจ เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพวกเชื้อโรค
จึงไม่แปลกที่เราจะต้องเผชิญกับอาการเจ็บป่วยได้แบบไม่ต้องสงสัย ยิ่งในเด็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มคนที่มีภูมิต้านทานร่างกายต่ำยิ่งต้องระวังและดูแลตัวเองให้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะ 3 โรคต่อไปนี้ที่พบได้บ่อย แม้บางโรคจะเป็นโรคที่ไม่อันตรายมาก แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเราได้เช่นเช่นกันค่ะ
1.โรคหวัด
เชื้อหวัดมักจะแพร่กระจายและเจริญเติบโตได้ดีในช่วงหน้าฝน ทำให้คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรืออยู่ในจุดที่มีความเสี่ยงได้รับเชื้อมาก ก็ทำให้เกิดอาการป่วยได้เช่นกัน เชื้อวัดจึงจัดได้ว่าเป็นไวรัสที่พบได้บ่อย อีกทั้งยังสามารถติดต่อกันได้จากการจาม ทำให้เชื้อไวรัสแพร่ไปในอากาศ อาการที่พบจะมีน้ำมูกไหล จาม ไอ เจ็บคอ ลำคออักเสบ และรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปได้เองประมาณ 1 สัปดาห์ แต่หากเกินกว่านั้นและมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ร่วมด้วยให้รีบเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์โดยด่วน
2.โรคไข้เลือดออก
โรคยอดฮิตที่ทำให้เด็กและผู้สูงอายุต้องเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมาแล้วนักต่อนัก โดยเฉพาะชาวบ้านต่างจังหวัดที่มีการป้องกันตัวเองในระดับต่ำ ยุงที่เป็นพาหะของโรคนี้มาจากยุงลาย ยิ่งหน้าฝนมีน้ำขังยิ่งทำให้พวกมันเพาะพันธุ์ตัวเองได้ง่ายขึ้น เมื่อถูกกัดและได้รับเชื้อจะตามมาด้วยอาการไข้สูงติดต่อกันหลายวันโดยไม่ยอมลด มีตุ่มแดงขึ้นตามลำตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ซึม โดยให้สังเกตความแตกต่างระหว่างไข้ธรรมดากับไข้เลือดออกว่า ไข้เลือดออกมักจะมีไข้สูงมากไม่ยอมลด หากพบลักษณะอาการเช่นนี้ ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ปรากฏอาการอื่นๆ ตามมาก่อนที่จะสายเกินไป
3.โรคฉี่หนู
ภัยเงียบที่ดูเหมือนน้อยคนจะรู้เท่าทัน ยิ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้ โรคฉี่หนูกลายเป็นโรคที่พบได้บ่อย เนื่องจากมีความเสี่ยงที่พื้นที่ต่างๆ จะมีน้ำกักขังอยู่มาก มูลหนูและฉี่ที่สะสมกันจะลอยสะสมมากับน้ำ หากสัมผัสโดน เชื้อโรคจะแพร่เข้าสู่ร่างกายทางผิวหนัง การดื่มน้ำ หรือจากบาดแผล เกิดอาการเบื่ออาหาร มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ไม่มีแรง และอาจถึงขั้นทำลายระบบอวัยวะภายในได้หากไม่ทำการรักษาให้ทันท่วงที
ไม่เพียงแค่หน้าฝนที่เราต้องพึงระวังอย่างเดียว การดูแลตัวเองในทุกช่วงฤดูถือว่าเป็นการป้องกันร่างกายไม่ให้เผชิญกับความเสี่ยงของโรคต่างๆ เป็นการช่วยเพิ่มความสุขให้กับคุณภาพชีวิตของเราได้ในทุกๆ วันได้จะยิ่งเป็นการดีกว่ามารักษาที่ปลายเหตุนั่นเองค่ะ