วิธีดูแลตัวเอง สำหรับคุณแม่ท้องแฝด
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตามปกติต้องมีการดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นจากเดิมมากแค่ไหน คุณแม่ที่ตั้งท้องลูกแฝดก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเป็นสองเท่า เพราะการตั้งครรภ์แฝดถือว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนอย่างหนึ่งที่ ทำให้การตั้งครรภ์มีความเสี่ยงมากกว่าการตั้งครรภ์ธรรมดา
ดังนั้น เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แฝด คุณแม่จึงต้องรับการปรึกษาและคำแนะนำของแพทย์ และควรต้องทราบว่าเป็นการตั้งครรภ์แฝดแบบใดเพื่อที่จะได้ระมัดระวังภาวะแทรกซ้อนและดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี ซึ่งก็มีแนวทางในการดูแลตัวเอง ดังนี้
ดูแลคุณแม่ในระหว่างตั้งครรภ์แฝด
1. ในช่วงอายุครรภ์ก่อน 14 สัปดาห์ คุณแม่ตั้งครรภ์แฝดจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงอาหารมันๆที่กระตุ้นให้มีอาการคลื่นไส้มากขึ้น และแบ่งมื้ออาหารให้เป็นมื้อเล็กๆแต่รับประทานบ่อยๆ นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังไม่ทำกิจกรรมหนักๆเพราะครรภ์แฝดมีโอกาสแท้งสูงกว่าการตั้งครรภ์ปกติ
2. หลังช่วงอายุครรภ์มากกว่า 14 สัปดาห์ขึ้นไป ควรควบคุมน้ำหนักให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อลดโอกาสในการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์และอาการครรภ์เป็นพิษ อีกทั้งยังต้องหมั่นสังเกตอาการปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง ตาพร่ามัวที่อาจเป็นสัญญาณของครรภ์เป็นพิษที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
อาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์แฝด
คุณแม่ที่ท้องลูกแฝดต้องได้รับสารอาหารและพลังงานที่มากกว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ปกติ โดยต้องเพิ่มพลังงานให้มากกว่าก่อนตั้งครรภ์ประมาณ 500 กิโลแคลอรี อีกทั้งต้องเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้นกว่าก่อนตั้งครรภ์ประมาณ 16-20 กิโลกรัม แต่ถ้ามากกว่านี้อาจจะเกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์และครรภ์เป็นพิษได้ นอกจากนี้ยังต้องรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณ 1,000 ไมโครกรัมต่อวัน และธาตุเหล็กให้ได้ 60-100 มิลลิกรัมต่อวัน
การดูแลลูกแฝดในขณะตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์แฝดมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ซึ่งคุณแม่ต้องดูแลลูกน้อยในครรภ์ให้ถูกต้องดังต่อไปนี้
1. ฝาแฝดไข่คนละใบ คุณแม่ต้องติดตามอัตราการเจริญเติบโตของลูกด้วยการทำอัลตราซาวด์เป็นระยะ เพราะแฝดไข่คนละใบมีโอกาสที่อีกคนนึ่งจะได้รับสารอาหารน้อยกว่าอีกคนหนึ่ง ทำให้อัตราการเจริญเติบโตไม่เท่ากัน
2. แฝดไข่ใบเดียวกัน ใช้รกร่วมกัน และอยู่ในถุงการตั้งครรภ์ใบเดียวกัน มีความเสี่ยงที่จะเกิดสายสะดือพันกันจนเป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิตทั้งคู่ ดังนั้นจึงต้องอัลตราซาวด์เพื่อติดตามผลการตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอ และถ้าจำเป็นก็อาจจะต้องทำการคลอดก่อนกำหนดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
3. ฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน และอยู่ในถุงตั้งครรภ์เดียวกัน หรือที่เรียกกันว่าแฝดสยาม ที่เด็กในท้องมีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างมาก เพราะมีการใช้อวัยวะร่วมกัน
4. ฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน ใช้รกร่วมกัน และอยู่กันคนละถุงตั้งครรภ์ มีโอกาสที่เด็กสองคนจะถ่ายเทเลือดซึ่งกันและกัน ซึ่งหากการถ่ายเทเลือดไม่สมดุล จะทำให้เด็กที่เป็นฝ่ายให้เลือดมีน้ำหนักน้อย และมีภาวะซีด ในขณะที่เด็กอีกคนที่เป็นผู้รับเลือดมีภาวะบวมน้ำและมีน้ำหนักมากกว่าปกติ ดังนั้นคุณแม่จึงต้องอัลตราซาวด์เพื่อติดตามผลการตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่าการตั้งครรภ์แฝดจะเป็นที่น่ายินดีของคุณแม่ เพราะจะมีลูกพร้อมกันทีเดียวมากกว่า 1 คน แต่ก็ต้องระมัดระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และหมั่นพบแพทย์เพื่อติดตามการตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอ