ตารางวัคซีนที่จำเป็นต่อลูกน้อยวัยแรกเกิดถึง 2 ปี

ตารางวัคซีนที่จำเป็นต่อลูกน้อยวัยแรกเกิดถึง 2 ปี

ตารางวัคซีนที่จำเป็นต่อลูกน้อยวัยแรกเกิดถึง 2 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

ตารางวัคซีนที่จำเป็นต่อลูกน้อยวัยแรกเกิดถึง 2 ปี

อยากรู้ถามผู้เชี่ยวชาญ คำถาม - คำตอบ เกี่ยวกับวัคซีนไอกรนรุ่นใหม่
Q : วัคซีนไอกรนรุ่นใหม่คืออะไร
A : วัคซีนไอกรนเป็นวัคซีนพื้นฐานที่เด็กทุกคนควรได้รับ โดยทั่วไปมักบรรจุรวมในเข็มเดียวกันกับวัคซีนคอตีบและวัคซีนบาดทะยัก ต่อมาได้มีการพัฒนาเพิ่มการรวมวัคซีนชนิดอื่นๆเข้าไว้ในเข็มเดียวกัน เช่น วัคซีนตับอักเสบบี วัคซีนฮิบ และวัคซีนโปลิโอ เป็นต้น

วัคซีนไอกรนแบ่งตามกรรมวิธีกี่ผลิตได้เป็น 2 ชนิด คือ วัควีนไอกรนที่ผลิตจากเชื้อไอกรนทั้งเซลล์(เรียกย่อๆว่าวัคซีนไอกรนเต็มเซลล์ กับวัคซีนไอกรนที่ผลิตจากส่วนประกอบบางส่วนของเชื้อไอกรน ซึ่งเรียกย่อๆว่า วัคซีนไอกรนไร้เซลล์)


Q : วัควีนไอกรนไร้เซลล์ดีกว่าวัคซีนไอกรนเต็มเซลล์อย่างไร
A : วัคซีนไอกรนทั้ง 2 ชนิดนี้ มีประสิทธิภาพดีในการสร้างภูมิต้านทานโรค แต่เนื่องจากวัคซีนไอกรนชนิดเต็มเซลล์มักมีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน อาการข้างเคียงที่พบบ่อย อาทิเช่น อาการปวด บวม แดง บริเวณที่ได้รับการฉีดวัคซีนมีไข้ ร้องกวน ซึม เบื่ออาหาร ออกผื่น ทำให้เป็นอุปสรรคกับการควบคุมดรค ดังนั้น จึงมีการพัฒนาวัคซีนไอกรนไร้เซลล์ที่มีอาการข้างเคียงน้อยกว่ามาใช้แทน


Q : วัคซีนไอกรนไร้เซลล์มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร
A : วัคซีนไอกรนไร้เซลล์ในปัจจุบันมีเฉพาะรูปแบบที่รวมอยู่ในเข็มเดียวกันกับวัคซีนชนิดอื่นๆมีทั้งแบบ 3 โรค 4 โรค 5ดรค และสูงสุด 6 โรค การเลือกใช้แบบใดจะขึ้นอยู่กับอายเด็กตามตารางวัคซีน วัคซีนรวมที่บรรจุวัคซีนไอกรนไร้เซลล์นั้นส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงต่ำ แต่อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคแตกต่างกันบ้าง


วัคซีนไอกรนไร้เซลล์สามารถแบ่งกลุ่มตามประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไอกรนได้เป็น 2 กลุ่มดังนี้

• วัคซีนไอกรนไร้เซลล์ที่มีสารเพอร์แทคติน(pertactin)
• วัคซีนไอกรนไร้เซลล์ที่ไม่มีสารเพอร์แทคติน

วัคซีนไอกรนไร้เซลล์กลุ่มที่มีสารเพอร์แทคติน(pertactin)จะสามารถป้องกันการเกิดโรคไอกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างชัดเจน

วัคซีนไอกรนไร้เซลล์ที่ไม่มีสารเพอร์แทคตินบางตำรับนอกจากจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคได้ต่ำกว่าวัคซีนไอกรนชนิดเต็มเซลล์แล้วยังมีประสิทธิภาพลดลงเร็ว ทำให้เด็กที่ฉีดไปแล้วมีโอกาสเป็นโรคได้เร็วกว่าหากมีการสัมผัสเชื้อในภายหลัง


อย่างไรก็ตามวัคซีนไอกรนทุกชนิดจะมีระดับภูมิคุ้มกันลดลงภายใน 7 -10 ปี ดังนั้น พ่อแม่ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการฉีดกระตุ้น เมื่อบุตรหลานอายุได้ 11-12 ปี หรือทุก 10 ปี


วัคซีนทางเลือก ทำความรู้จักชนิดของวัคซีน
วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไอพีดี
ช่วยป้องกันการติดเชื้อโดยตรงในเด็ก แล้วยังช่วยลดอุบัติการณ์การดื้อยาปฏิชีวนะต่อเชื้อแบคทีเรียสเตรปโต-คอคคัสนิวโมนิอี หรือที่รู้จักในชื่อ "นิวโมคอคคัส"  เชื้อไอพีดีส่งผลร้ายแรงในระบบอวัยวะต่างๆ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดบวม ปอดอักเสบ หูน้ำหนวก และการติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นต้น

สำหรับเด็กแรกเกิดต้องฉีดทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ช่วง 2,4,6 และ 12-15 เดือน เป็นเข็มกระตุ้น ซึ่งจะป้องกันเชื้อโรคไปจนถึงอายุประมาณ 9 ปี


วัคซีนป้องกันเชื้อโรต้าไวรัส
เชื้อโรต้าไวรัส เป็นเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรงในเด็กเล็ก ระบาดในช่วงฤดูหนาวเนื่องจากเชื้อตัวนี้ค่อนข้างคงทนต่อสภาวะแวดล้อมโดยทั่วไป สามารถติดต่อกันโดยการสัมผัสกับอุจจาระ น้ำลาย ที่อาจมีตกค้างตามพื้นผิวทั่วไป ดังนั้น ในบริเวณที่มีเด็กเล็กรวมกันอยู่มากๆทำให้เชื้อนี้แพร่กระจายได้มากขึ้น
สามารถให้วัคซีนนี้ได้ในทารกอายุ 2 เดือนและ 4 เดือน(ให้โดยการหยอด)


วัคซีนป้องกันเชื้อโรต้าไวรัส
ป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยเข็มแรกจะฉีดเมื่ออายุ 6 เดือน เข็มที่ 2 ห่างกัน 1 เดือน จากนั้นฉีดทุกๆปี
*วัคซีนทางเลือกนี้ เป็นวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้กำหนดว่าเด็กทุกคนต้องฉีด และส่วนใหญ่ยังเป็นวัคซีนที่มีราคาแพง ดังนั้น การฉีดวัคซีนเหล่านี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook