คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคไทรอยด์
คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะมีความกังวลใจในเรื่องของโรคไทรอยด์ไม่น้อย วันนี้เราจึงมีบทความดีๆ เกี่ยวกับโรคไทรอยด์มาฝากคุณแม่มือใหม่ให้มีการวางแผนก่อนการตั้งครรภ์ค่ะ
เพราะถ้าหากคุณแม่มีการเตรียมพร้อมร่างกายที่ดี คุณแม่ก็จะมีการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยและสมบูรณ์มากที่สุดด้วยค่ะ เรามาดูกันดีกว่าคะว่าคำแนะนำดีๆ ที่เรานำมาฝากนั้นจะมีอะไรบ้าง
หากเป็นไทรอยด์มาก่อนจะอันตรายกับลูกน้อยไหม ?
คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคไทรอยด์หรืออาจจะเคยมีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่มีความกังวลว่า อาจจะมีอาการกำเริบในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่ก็ได้แล้ว เมื่อมีอาการจะเป็นอันตรายต่อลูกหรือไม่ แต่ถ้าหากมีการรักษาอย่างสม่ำเสมอก็จะสามารถตั้งครรภ์ได้อย่างสบายใจแน่นอน
การดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ให้ห่างไกลจากโรคไทรอยด์ สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1.สูติแพทย์จะดูแลควบคู่ไปกับการรักษา
คุณแม่ตั้งครรภ์จะได้รับการตรวจติดตามโดยอายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อและจะได้รับยาฮอร์โมนไทรอยด์ด้วย ที่สำคัญนั้นจะได้รับการตรวจติดตามระดับฮอร์โมนเป็นระยะด้วย
2.ควรตรวจท้องอย่างสม่ำเสมอ
เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และอาหารที่มีไอโอดีนสูงด้วย อย่างเช่น อาหารทะเล สาหร่ายทะเล เป็นต้น ควรกินยาบำรุงเลือดอย่างสม่ำเสมอด้วย เพราะการทานยาบำรุงเลือดนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะในยาจะมีธาตุไอโอดีนสูงและเพียงพอต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการ
3.คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจอัลตราซาวด์
เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของเด็กในท้องว่ามีการเจริญเติบโตที่เหมาะสมหรือไม่ เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่ 3 จะต้องมีการตรวจการเต้นหัวใจของเด็กเป็นระยะๆ
หากเป็นโรคไทรอยด์ควรทำอย่างไร?
ผู้หญิงที่เป็นไทรอยด์ควรจะมีการวางแผนที่จะมีลูกให้เป็นอย่างดี และควรกินยาอย่างสม่ำเสมอด้วย ที่สำคัญนั้นจะต้องมีการตรวจเลือดตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง และอีกอย่างที่ไม่ควรลืมคือควรกินยาคุมกำเนิดก่อนที่จะมีการตั้งครรภ์ และจะตั้งครรภ์จนได้ก็ต่อเมื่ออายุรแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อจะมีการอนุญาตให้ตั้งครรภ์ได้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงผลแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในขณะตั้งครรภ์ได้
หากคุณแม่ตั้งครรภ์ดูแลสุขภาพและมีการวางแผนการตั้งครรภ์ที่ดี โรคแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดในขณะตั้งครรภ์ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดได้น้อยมาก แค่นี้คุณก็จะห่างไกลจากโรคไทรอยด์และโรคอื่นๆ แล้วล่ะ
แต่หากคุณแม่มีประวัติเป็นโรคไทรอยด์อยู่แล้ว ก็ควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยต่อลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง
