วิธีตรวจการตั้งครรภ์มีแบบไหน ทำได้ยังไงบ้าง? ว่าที่แม่ท้อง... รู้ไว้ไม่เสียหาย
ผู้หญิงเราหลายคนหลังจากแต่งงานแล้ว ก็ย่อมเฝ้านับวันนับคืนรอที่จะมีทายาทน้อยๆ มาให้เป็นที่ชื่นใจของครอบครัว และหากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์หรือหากพบว่าประจำเดือนขาดไป อาจสันนิษฐานได้ว่ากำลังตั้งครรภ์แล้วอย่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้น เรามาดูกันดีกว่านะคะว่าจะมีกี่วิธีการบ้างในการทดสอบการตั้งครรภ์ แต่ละวิธีทำได้อย่างไร
วิธีการทดสอบการตั้งครรภ์ทำได้อย่างไรบ้าง?
สำหรับการทดสอบการตั้งครรภ์นั้น เป็นวิธีการตรวจหาฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ฮอร์โมนดังกล่าวเป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมาจากรก โดยร่างกายจะเริ่มมีการผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ภายหลังเกิดการปฏิสนธิไปแล้ว 6 วัน และเมื่อ 8-12 สัปดาห์ร่างกายจะมีปริมาณฮอร์โมนที่เพิ่มสูงขึ้น ฉะนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทดสอบการตั้งครรภ์ก็คือ 1 เดือนหลังจากที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้าย
ตรวจปัสสาวะ
เป็นการตรวจหาฮอร์โมน HCG จากในปัสสาวะ ซึ่งมักจะมีความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 90 สำหรับในรายที่มีภาวะขาดประจำเดือนตั้งแต่ระยะเวลา 10-14 วันขึ้นไป ก็สามารถเข้ารับการตรวจได้เลยที่โรงพยาบาลหรืออาจใช้ชุดอุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์ โดยซื้อมาตรวจด้วยตัวเองจากร้านขายยาได้เลยเช่นกัน
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.boldsky.com/
ตรวจการเต้นของหัวใจทารก
หากคุณแม่มีอายุครรภ์ได้ประมาณ 17-18 สัปดาห์แล้ว การตรวจนี้คุณหมอจะใช้หูฟัง (Stethoscope) เพื่อฟังเสียงจังหวะหัวใจเต้นของทารกในครรภ์ โดยวิธีนี้จะได้รับการตรวจภายหลังจากมีการตรวจยืนยันแน่ชัดแล้วว่าคุณตั้งครรภ์จริง
ตรวจอัลตราซาวด์
ซึ่งเป็นการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง โดยสามารถช่วยยืนยันผลได้อย่างชัดเจนแน่ชัดว่าการตั้งครรภ์ภายในโพรงมดลูกนั้นเป็นไปตามปกติ และหากตรวจพบปัสสาวะได้ผลเป็นบวก การตรวจแบบอัลตราซาวด์ก็จะช่วยรับรองผลได้อย่างดียิ่งขึ้น
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.thebump.com/
ตรวจเลือด
การตรวจเลือดเพื่อหาระดับฮอร์โมน HCG นั้น สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 2 สัปดาห์ภายหลังจากปฏิสนธิไปแล้ว แต่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง และตรวจได้แต่เพียงเฉพาะแต่ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นวิธีการตรวจที่แพทย์จะใช้เฉพาะในกรณีที่คุณแม่กำลังอยู่ในช่วงทำการรักษาภาวการณ์ในการมีบุตรยาก หรือคุณแม่ในรายที่มักมีประวัติการแท้งอยู่บ่อยๆ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการพิจารณาเพื่อให้ฮอร์โมนเสริมเข้าไปเพิ่ม ทั้งนี้จะได้ช่วยป้องกันโอกาสในการเสี่ยงแท้งมากขึ้นนั่นเอง
ทราบกันไปแล้วนะคะว่าการทดสอบการตั้งครรภ์นั้นสามารถทำได้อย่างไรบ้าง เรียกง่ายๆ ก็คือ การตรวจว่าเราตั้งครรภ์หรือไม่นั่นเอง ซึ่งหากเราจะตรวจด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ง่ายมากๆ เพียงซื้อที่ตรวจครรภ์ตามร้านขายยามาตรวจด้วยตัวเอง หากพบว่าตั้งครรภ์จริงก็สามารถเข้ารับการตรวจจากทางโรงพยาบาลเพื่อความแน่ชัดอีกที พร้อมกับการฝากครรภ์กับทางคุณหมอต่อไปได้เลยค่ะ