เมื่อลูกน้อยเข้าสู่เดือนที่ 12

เมื่อลูกน้อยเข้าสู่เดือนที่ 12

เมื่อลูกน้อยเข้าสู่เดือนที่ 12
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

เดือนที่ 12

ลักษณะลูกน้อย
เมื่อลูกใกล้จะครบขวบ ความซนของลูกก็ยิ่งทวีคูณ แม้ว่าบางคนจะยังเดินไม่ได้ แต่ก็อาจจะคลานได้เร็วจนคุณแม่ไล่จับแทบไม่ทัน แต่บางคนกลับไม่ยอมคลาน ใช้วิธีถัดก้นเอาก็มี แล้วแต่ลักษณะเด็กไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างใด เมื่อตอนเป็นเด็กเล็ก การเลี้ยงดูเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงจะยังไม่มีความแตกต่าง กันมากนัก แต่ถ้าถึงวัยนี้แล้วจะค่อนข้างเด่นชัด เช่น เด็กผู้ชายจะมีแววซนอย่าชัดเจน เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ส่วนเด็กผู้หญิงจะนิ่งกว่าเล็กน้อย หนักไปทางส่งเสียง อยากพูดจามากกว่า ซึ่งก็เป็นพัฒนาการปกติของเด็ก

วัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นคุณแม่ห้ามเผลอเด็ดขาด ไม่ว่าจะปีนบันได เปิดเตาแก๊ส ดึงปลั๊กไฟ เปิดฝาขวด ล้วนเป็นสิ่งน่าสนใจสำหรับลูกทั้งสิ้น


ถึงเวลาอาหารเสริม
วัยนี้จะกินเหมือนผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องทำอาหารให้เป็นพิเศษนับได้ว่าลูกผ่านพ้นวัยที่มีนมเป็นอาหารหลัก เข้าสู่วัยหย่านมโดยสมบูรณ์แล้ว และไม่ควรให้ลูกขาดโปรตีนจำพวกเนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ถั่ว รวมทั้งโปรตีนจากนม จะเป็นนมวัว นมถั่วเหลืองก็ได้ ดังนั้นถึงลูกจะหย่านมแล้วก็ไม่ควรงดนมเด็ดขาด ส่วนจะให้ลูกดื่มนมวันละเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับว่าลูกกิน ปลา ไข่ กินเนื้อ มากน้อยแค่ไหน ถ้าลูกไม่ชอบของพรรค์นี้เลยก็ต้องทดแทนด้วยนม ปริมาณนมแต่ละวันของลูกวัยนี้ ควรอยู่ในระดับวันละ 2-3 ขวด (ประมาณ 500-600 ซี.ซี.) ตัวอย่างอาหารของลูกในวัยนี้ เช่น
• เช้า ข้าวต้ม (ครึ่งถ้วย) ไข่ 1 ฟอง น้ำผลไม้หรือน้ำซุป
• กลางวัน ข้าว(ครึ่งถ้วย) เนื้อ ผัก นม 1 ขวด
• บ่าย ผลไม้หรือขนม นม 1 ขวด
• เย็น ข้าว(ครึ่งถ้วย)ปลาหรือ เนื้อ ผัก ผลไม้
• ก่อนนอน นม 1 ขวด


ถึงวัยเปลี่ยนนมให้ลูก
คุณแม่ควรเริ่มเปลี่ยนนมผงเป็นนมสดได้แล้ว โดยให้ดื่มจากกล่องหรือถุงด้วยหลอดได้เลย หรือจะเทใสถ้วยก็ได้ พร้อมกับเริ่มหัดให้หย่านมขวดได้แล้ว แล้วหันมาดูดหลอดหรือดื่มจากถ้วยแทน เมื่อลูกทำได้ ควรชมเชย ทำท่าดีใจ ให้ลูกเห็น ลูกจะรู้สึกภูมิใจที่เปลี่ยนจากขวดมาเป็นถ้วย สำหรับนมก่อนมื้อก่อนนอนนั้นอาจใช้เวลาและความพยายามมากหน่อยกว่าที่ลูกจะหย่าขวดนมได้ ควรทำก่อนลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล เพราะปัญหาฟันที่งอก ลูกที่นอนหลับไปกับขวดนมมักมีปัญหาฟันเสีย โดยเฉพาะถ้าให้ดูดนมหวาน รสช็อคโกแลตก่อนนอน ทำให้ฟันผุ ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงฟันแท้ และการกินอาหาร เพราะถ้าปวดฟันบ่อยๆ บางคนอาจไม่อยากใช้ฟันเคี้ยว วิธีหย่านมขวดคือ ระยะแรกควรนอนกับลูก เล่านิทานให้ลูกฟังหรือกล่อมลูกจนหลับ ถ้ามีคุณแม่อยู่ด้วยเวลานอน ลูกมักจะลืมขวดนม เมื่อทำได้ติดต่อกันสักระยะหนึ่งให้เก็บขวดนมไว้อย่าให้ลูกเห็นโดยถาวรไปเลย


ผลไม้สำหรับลูกน้อย
ลูกวัยนี้มักกินผลไม้ได้โดยไม่ต้องบดหรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลูกชอบที่จะกัดผลไม้ชิ้นใหญ่ในมือของตัวเองมากกว่ากินผลไม้บด ผลไม้ที่ดีที่สุดคือ ผลไม้ตามฤดูกาล เพราะสดอร่อย ราคาถูก ผลไม้ที่มีเมล็ด เช่น น้อยหน่า ละมุด ส้ม องุ่น แตงโม ต้องระวังเมล็ด ส่วนละมุดบางคนถือว่าเป็นของแสลง ไม่ค่อยให้เด็กเล็กกิน แต่ถ้าให้ในบริมาณน้อยก็ไม่เป็นไร โดยเฉพาะเวลาที่ลูกท้องผูก ถึงจะให้กินละมุด สับปะรด มะละกอ ก็ไม่ถ่ายเหลว กลับช่วยให้ถ่ายสะดวกดี ผลไม้ กระป๋องนั้นให้กินได้ แต่ราคาแพงและให้ประโยชน์น้อยกว่าผลไม้สดมาก


เมื่อลูกไม่ยอมกินข้าว
ประโยชน์ที่ได้จากข้าว คือแป้ง และน้ำตาลและโปรตีน กินขนมปัง ก๋วยเตี๋ยวก็ได้แป้งและน้ำตาลเช่นกัน ส่วนปลา ไข่ และเนื้อสัตว์นั้น ให้โปรตีนมากกว่าข้าว ดังนั้นถึงลูกไม่ยอมกินข้าว แต่ถ้าได้อาหารอื่นเพียงพอก้ไม่มีปัญหา แต่ถ้ไม่ยอมกินข้าว กินแต่ขนมทั้งวัน ซึ่งมักจะเป็นแป้งและมีน้ำตาลในปริมาณสูง ทำให้ลูกอิ่ม ไม่อยากอาหาร ทำให้ขาดสารอาหาร ถ้าลูกเป้นแบบนี้ชวนลูกคลานเล่น วิ่งเล่นมากขึ้น เล่นไล่จับกับลูก ลุกก้จะกินได้มากขึ้นเองโดยที่คุณแม่ไม่ต้องบังคับ การที่ลูกได้เล่นซนนั้น เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งของลูกเด็กที่พ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เข้มงวดมากๆนั้น ไม่ค่อยยอมให้ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน มักจะเป็นเด็กซึมเศร้า กินน้อย ไม่ค่อยมีแรง และป่วยบ่อยๆ คุณแม่ลองสังเกตว่า ลูกของคุณไม่ยอมกินข้าวเพราะอะไร จึงจะแก้ปัญหาได้ถูก


อาการที่อาจเกิดขึ้น
• ฟันลูกยังไม่ขึ้นเลย

o แม้จะรู้ว่าเด็กบางคนฟันขึ้นเร็ว บางคนฟันขึ้นช้า แต่ถ้าลูกอายุขวบหนึ่งแล้วยังไม่มีฟันโผล่อกมาสักซี่ คงกังวลใจอยู่ไม่น้อยที่จริงลูกมีฟันอยู่ใต้เหงือกเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่โผล่พ้นเหงือกออกมาช้าเท่านั้น ซึ่งสาเหตุเรายังไม่ทราบ ดังนั้นคุณแม่ไม่ควรกังวลอะไรมากมาย ควรรอเวลาอีกสักหน่อย ไม่ควรซื้อวิตามินดีเสริมมากให้ลูกกินอย่างไม่ระมัดระวัง เพราะจะทำให้ลูกได้รับวิตามินมากเกินไป จนเกิดอาการเบื่อนม อยากแต่น้ำ น้ำผลไม้ ตาอมามีอาการอาเจียนหรือท้องผูก ฉี่มาก และบ่อย ถ้าหยุดวิตามินถึงจะหาย การให้ลูกกินแคลเซียม ก็ไม่ได้ช่วยให้ฟันโผล่เร็วขึ้น

• ปรับนิสัยการนอนของลูก
o เด็กที่นอนง่ายจัดเวลานอนที่เหมาะสม ถ้าอยากให้ลูกนอนตอน 2 ทุ่ม ก็อาบน้ำให้ลุกหลังอาหารเย็นพักหนึ่ง แล้วให้ดื่มนม ดื่มน้ำ ล้างปาก และพาเข้านอน เด็กหลับง่ายอยู่แล้ว ไม่นานก็จะหลับ ส่วนเด็กที่หลับยากกว่าจะหลับได้กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เล่านิทาน ลูบก้น เกาหลังถึงยอมนอน ดังนั้นคุณแม่ต้องให้ลูกเพลียเต็มที่ก่อนค่อยเอานอน ตอนกลางวันให้ลูกได้ออกกำลังกายอย่างพอเพียง เลื่อนเวลาอาหารเย็นให้ค่ำหน่อย พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน และนอนได้นานเพราะกระเพาะเต็ม ไม่ตื่นมาหิวกลางดึก ถ้าคุณแม่อยากจะให้ลูกนอนตั้งแต่ หัวค่ำก่อน 3 ทุ่ม มีทางเดียวที่ทำได้ คือ ลดเวลานอนกลางวันของลูก ถ้าเคยนอนช่วงบ่ายตั้งแต่บ่าย 3-5 โมง ก็ต้องปลุกตั้งแต่ 4 โมง เย็น ยอมให้นอนแค่ชั่วโมงเดียว ลูกอาจร้องโยเยบ้าง แต่ไม่นานก็จะชินกับเวลาใหม่ไปเอง

• ลูกอาเจียน
o เด็กที่ปกติมีเสมหะมาก หลังอาหารเย็นเกิดไอมากก็อาเจียนได้ หลังจากนั้นก้ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีไข้ ได้แต่ไอในบางครั้ง หรือถ้าทานอาหารมื้อเย็นไปมาก กินแต่อาหารมันๆก็อาเจียนได้ ไม่มีไข้ ก็ไม่ถือว่าอันตรายแต่มีอาการอาเจียนแบบไม่มีไข้ ซึ่งน่าเป็นห่วง คือโรคลำไส้กลืนกัน โรคนี้ไม่ทำให้ไม่อาเจียนอย่างเดียวแต่จะปวดท้องอย่างรุนแรง เด็กจะร้องทุรนทุรายอยู่หลายนาทีแล้วสงบ พอนึกว่าหายกลับเริ่มร้อมอีก สลับกันไปเป็นช่วง ต่อมาก็อาเจียน กรณีนี้ถือว่าผิดปกติมาก ควรรีบพาไปหาหมอ ส่วนช่วงฤดูร้อนถ้ามีไข้สูงก็อาจอาเจียนด้วย ซึ่งมักเป็นอาการอาเจียนที่เป็นอยู่ไม่นานช่วงที่ลูกอาเจียนควรนำผลไม้หรือน้ำเย็นทีละน้อย

• ใส่ใจอาการท้องเสีย
o ถ้าท้องเสียแล้วมีไข้ อุจจาระมีมูก มีเลือด เป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นให้สงสัยว่าลูกติดเชื้อ ต้องรีบพาไปหาหมอ ท้องเสียที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ถ้าได้รับยาฆ่าเชื้อเร็วอาการจะไม่หนัก เด็กที่กินอาหารมากเกินไปหรือกินผลไม้มากเกินไป ก็ทำให้ท้องเสียได้ ก้ควรลดอาหารให้กินแต่ข้าวต้มอ่อนๆ งดของมัน บางครั้งลูกท้องเสียทั้งๆที่ไม่ได้กินอะไรผิดปกติหรือมากเกินไป อาหารก็สะอาด ลูกก็อาจท้องเสียได้ เพราะมีการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้ท้องเสียจากเด็กคนอื่นหรือผู้ใหญ่ที่เป็นพาหะได้

• เมื่อไส้เลื่อนถามหา
o เด็กที่เป็นไส้เลื่อนที่ขาหนีบ ควรปรึกษาหมอผ่าตัด การผ่าตัดไส้เลื่อนทำเมื่อใดก็ได้ แต่ถ้าลูกเป็นไส้เลื่อน ให้รีบผ่าตัดจะดีกว่า เพราะอาการไส้เลื่อนติดค้าง คือ ลำไส้เลื่อนลงไปตามช่อง แล้วเกิดไปปิด หรือกดทับกันในช่องนั้น ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวไม่ได้ เลือดเดินไม่สะดวก ปล่อยทิ้งไว้ไม่กี่ชั่วโมงลำไส้จะเน่า เด็กจะเจ็บปวดที่ลำไส้อุดตัน ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องผ่าตัดทันที ส่วนเด็กที่เป็นไส้เลื่อนลูกอัณฑะบวมโต จนขัดขวางการหัดเดิน ควรให้ลูกได้รับการผ่าตัดโดยเร็ว


พัฒนาการของหนู
• ร่างกาย

o เปิดฝาขวด ฝากล่องได้คล่อง
o คลานขึ้นลงบันไดเก่งขึ้น
o ผลักของออกจากตัวได้
o บางคนสามารถถอดกางเกงออกได้ หรือพยายามจะถอดเอง
o ใช้นิ้วหยิบสิ่งของได้เก่งขึ้น
o ถือของ 2 ชิ้นในมือเดียว
o จับช้อนเพื่อตักอาหารเข้าปาก พอได้บ้าง
o พยายามจับของหมุนเล่น ชอบดูของที่หมุนได้

• สังคม
o เลียนแบบท่าทางผู้ใหญ่ได้มากขึ้น
o พูดเป็นคำๆ ได้มากขึ้น เด็กผู้หญิงจะพูดได้เร็วกว่าผู้ชาย
o รับรู้อารมณ์ของคนอื่นได้มากขึ้น
o กลัวคนแปลกหน้าและสถานที่ใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย
o เข้าใจเกมที่เล่นมากขึ้น เล่นเกมได้หลากหลายมากขึ้น
o ปฏิเสธการกินเก่งขึ้น เริ่มมีอาการห่วงเล่นบ้าง

• เล่นกับหนูหน่อย
o ควรให้ลูกหัดเดินด้วยตัวเอง จัดบริเวณรอบๆให้ปลอดภัย ลูกหกล้มจะได้ไม่เป็นอันตราย ของเหลี่ยมคมต้องเก็บให้หมด ถ้าจัดสถานที่เรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องเดินตัวติดลูกตลอดเวลา ลูกล้มบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาถ้าเป็นพื้นหญ้า หรือพื้นบ้านปูพรม อาจเจ็บตัวนิดหน่อย ที่ต้องระวังมากขึ้น คือ บริเวณพื้นปูน พื้นกระเบื้อง

o คุณแม่หมั่นพูดชื่ออวัยวะต่งๆในร่างกายให้ลูกฟังพร้อมคอยชี้ไปด้วย ลูกจะได้เรียนรู้ร่างกายของตัวเองมากขึ้น

o อย่าพูดคำว่า "อย่า" กับลูกน้อยไปซะทุกเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่อันตราย หมั่นให้ลูกทำด้วยตัวเอง ลูกจะได้เรียนรู้

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook