วิธีผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการทำงานหนัก
การทำงานย่อมมีหลายครั้งที่เราอาจจะเหนื่อยล้าได้ทุกๆ วันยิ่งหากงานเยอะ งานยากด้วยแล้ว หลายคนย่อมท้อใจและเหนื่อยหนักกลับมาบ้านกันไม่น้อย วันนี้เรามาผ่อนคลายความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักๆ กันบ้างดีไหมคะ ชีวิตคุณจะได้สดใสและมีแรงรับวันทำงานวันใหม่ได้เต็มที่อีกครั้ง
ผ่อนคลายดวงตา
สาวออฟฟิศหลายคนที่นั่งทำงานหนักตลอดวัน ยิ่งหากคุณนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยแล้ว การจ้องหน้าคอมที่มีแสงรังสีฯ สาดใส่ลูกตาเราขนาดนั้นตลอดย่อมทำให้ดวงตาของเราปวดเมื่อยล้ามากๆ เอาได้ แนะนำให้หมั่นพักสายตาทุก 10-15 นาที โดยหันมองไปยังสิ่งรอบตัว หากนั่งใกล้ๆ หน้าต่างอาจจะมองไปยังนอกหน้าต่างเพื่อให้สายตาได้สัมผัสกับธรรมชาติสีเขียว ท้องฟ้าสดใสที่สาดมาพร้อมแสงแดดทอประกายสีเหลืองอ่อน ธรรมชาติจะช่วยผ่อนคลายดวงตาเราได้ค่ะ นอกจากนี้ ให้นวดบริเวณหัวตาและกรอกตาไปมาบ้าง ก็จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อดวงตาในตัวเป็นการกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดบริเวณรอบดวงตา อาการปวดเมื่อยล้าดวงตาหรือกระบอกตาก็จะค่อยๆ บรรเทาเบาบางลงได้แล้วค่ะ
ผ่อนคลายความเครียดจากสมอง
ระหว่างวันทำงานหนักๆ นอกจากดวงตาที่ใช้งานหนักแล้ว สมองของเราก็ย่อมอ่อนล้าและหมดแรงพลังได้เช่นเดียวกัน ยิ่งหากใครทำงานที่จะต้องคิด วางแผนหรือใช้สมองจัดการหนักด้วยแล้ว ความเครียดจากการทำงานนั้นอาจจะยิ่งเพิ่มทวีคูณเป็นสองเท่า ดังนั้น ผ่อนคลายความเครียดด้วยการหาเวลาพักปล่อยวาง หยุดคิดเรื่องงานบ้าง โดยเฉพาะหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว ควรแบ่งเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ โดยหยุดคิดกังวลเรื่องงานต่างๆ สำหรับเรื่องการทำงานนั้นจงบอกตัวเองว่าให้คิด จัดการแค่ตอนอยู่ที่ออฟฟิศก็เพียงพอแล้ว เพราะหลังจากกลับมาถึงบ้านมันควรเป็นเวลาที่คุณจะได้เสพสุขอยู่กับคนรัก กับคนในครอบครัวอย่างอบอุ่นสมบูรณ์ เท่านี้ก็ถือเป็นการผ่อนคลายความเครียดทางสมองได้ดีแล้ว
ผ่อนคลายหัวใจ
นอกจากภาระต่างๆ ทางสมองแล้ว ยังมีผลพวงมายังหัวใจด้วยในบางครั้ง ดังนั้น เราจึงต้องแยกนะคะระหว่างเรื่องการทำงานที่ทำให้สมองเราคิดหนักจนอ่อนล้าเกินไป เมื่อถึงเวลาพักผ่อนแล้วก็จงหยุดพักมันทั้งหมดไว้ที่บริษัท ไม่ควรนำเอากลับมาบ้านด้วย และสำหรับหัวใจที่อาจจะมีปัญหาหรือมีผลกระทบต่างๆ ไปด้วยทำให้หัวใจเราอ่อนล้า เหนื่อยหนักกับชีวิต ก็หาเวลาผ่อนคลายด้วยเหมือนกัน สำหรับเรื่องหัวใจเรานั้นอาจจะเป็นกำลังใจจากคนรอบตัวหรือการได้พูดคุย การได้ระบาย ขอคำปรึกษาจากคนที่เราไว้วางใจมากที่สุด และหากไม่มีใครเลยก็จงปรึกษาตัวเอง พูดคุยกับตัวเองให้เป็น ก่อนนอนอาจจะสวดมนต์ นั่งสมาธิบ้างก็จะช่วยกล่อมเกลาสภาพจิตใจ เท่านี้ก็จะช่วยเปลี่ยนเรื่องหนักๆ ให้เบาบางลงได้แล้วเช่นกัน
การที่คุณขยันทำงานหรือทุ่มเททำบางสิ่งบางอย่างระหว่างวันอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน โดยเฉพาะการทำงานนั้นไม่ผิดหรอก แต่จงใช้ชีวิตการทำงานอย่างสมดุล พักผ่อนและดูแลจิตใจร่างกายไปพร้อมกันบ้าง ความสุขจากการดำเนินชีวิตจะได้คงอยู่กับเราไปนานๆ นั่นเอง