เลือกซื้อนกแก้ว อย่างไรให้เหมาะกับเรา
นกแก้วจัดเป็นสัตว์ที่มีความสวยงามและฉลาดมาก ดังนั้นการเลือกซื้อนกแก้วมาเลี้ยงนั้นไม่ได้แต่เพียงผู้เลี้ยงชอบนกแก้วชนิดใดก็ซื้อมาเลี้ยงเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เป็นสำคัญ ได้แก่
• อายุขัยเฉลี่ยของนกแก้ว เนื่องจากนกแก้วแต่ละชนิดมีอายุขัยเฉลี่ยค่อนข้างแตกต่างกันมาก ยกตัวอย่าง นกแก้วสายพันธุ์ขนาดใหญ่ มีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 20 ปีขึ้นไป ถ้าเรามองหาสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงในช่วงเวลาไม่ยาวนาน ควรเลือกเลี้ยงนกแก้วสายพันธุ์ขนาดเล็ก เช่น Budgerigar (กลุ่ม พวกนกหงส์หยก) เนื่องจากนกกลุ่มนี้มี อายุขัย เฉลี่ย ประมาณ 5-10 ปี ส่วน Cockatiel และ Lovebird เป็นนกกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูง อายุขัยเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี ในขณะที่นกแก้วสายพันธุ์ขนาดใหญ่ เช่น African Grey, Cockatoo (นกกระตั้ว) และ Macaw มีอายุขัยเฉลี่ยมากกว่า 50, 60 และ 75 ปี ตามลำดับ
• อุปนิสัยและลักษณะเฉพาะของนกแก้ว เป็นข้อควรคำนึงถึงอีกประการหนึ่งในการเลือกซื้อนกแก้วมาเลี้ยง เช่น ผู้เลี้ยงต้องการนกที่ลักษณะสุขุม หรือต้องการนกที่ชอบเป็นมิตรสูงชอบให้สัมผัส หรือต้องการนกที่ฉลาดสามารถพูดได้ ลักษณะเฉพาะเหล่านี้มีความแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ของนกแก้ว ยกตัวอย่าง ถ้าผู้เลี้ยงมองหานกที่เป็นนักพูด ควรพิจารณาเลือกเลี้ยง African Grey, Congo หรือ Timneh เนื่องจากมีการศึกษาพบว่านกสายพันธุ์ดังกล่าวนี้สามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้หลายร้อยคำในตลอดช่วงชีวิต อย่างไรก็ตาม สำหรับ African Grey เป็นนกแก้วที่มีพรสวรรค์มากในการพูด แต่มีสีสันที่ไม่สวย ฉูดฉาดเหมือนเช่นนกแก้วสายพันธุ์อื่นๆ
• ขนาดของนกแก้ว โดยปกติมักไม่แนะนำให้ผู้เลี้ยงนกแก้วมือ ใหม่เลี้ยงนกแก้วสายพันธุ์ขนาดใหญ่ เนื่องจากลักษณะความกว้างของ ปีกขนาดใหญ่ เวลากระพือปีกจะดูรุนแรง อีกทั้งมีจะงอยปากที่แข็งแรง ขนาดใหญ่ และการเปล่งเสียงร้องดังมากเมื่อเทียบกับนกขนาดปกติ จึงอาจทำให้ผู้เลี้ยงมือใหม่เกิดความรู้สึกกลัวได้ ส่วน Scarlet Macaw เป็นนกที่มีขนาดใหญ่และสีสันสวยงามมาก แต่บางครั้งมีนิสัยก้าวร้าว จึงไม่เหมาะกับผู้เลี้ยงมือใหม่อีกเช่นกัน สำหรับนกแก้วสายพันธุ์ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมได้แก่ Sun Conure, Lovebird, Budgerigar รวมถึงนกขนาดเล็กที่ไม่ใช่กลุ่มนกแก้ว ตัวอย่างเช่น นกฟินซ์ กลุ่ม นกเหล่านี้มี สีสัน และลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันรวมถึง ความต้องการในการดูแลก็แตกต่างกันตามแต่ลักษณะตามธรรมชาติของแต่ละสายพันธุ์
• การเลี้ยงและดูแล ถ้ากล่าวถึงการเลี้ยงและดูแลนกแก้วนั้น ขนาดของนกไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ในความแตกต่างในเรื่องนี้เลย นกสายพันธุ์ขนาดใหญ่ เช่น Cockatoo หรือ Macaw ต้องการกรงที่มี ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นกสายพันธุ์ขนาดเล็ก เช่น Sun Conure หรือ Lovebird ก็ต้องการกรงที่มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน รวมถึงนกชนิดอื่นๆไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็ต้องการกรงขนาดใหญ่ที่สามารถบินไปมาได้ นอกจากนี้ยังต้องการกรงและสิ่งแวดล้อมที่มีระบบสุขาภิบาลที่ดี มีการทำความสะอาดเป็นประจำ รวมทั้งตั้งอยู่ในที่ที่เหมาะสม สำหรับนกแก้วสายพันธุ์ขนาดใหญ่ต้องการเวลาในการดูแลเอาใจใส่จากผู้เลี้ยงมากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต ซึ่งอาจส่งผลไปถึงปัญหาสุขภาพทั่วไปด้วย ส่วนนกสายพันธุ์ขนาดเล็ก เช่น Cockatiel, Canary, Finches และ Parakeet ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาดูแลเอาใจใส่มากเท่านกแก้วสายพันธุ์ขนาดใหญ่ เช่น Macaw หรือ Cockatoo อย่างไรก็ตาม นกกลุ่มนกแก้วทั้งหมดต้องการการดูแลเอาใจใส่มากกว่านกทั่ว ไป ดังนั้น ถ้าผู้เลี้ยงต้องเดินทางบ่อย หรือเวลาว่างไม่มากนักอาจพิจารณาเลือกเลี้ยงนกฟินซ์ หรือ Canary น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
• อาหาร อาหารเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งในการเลือกตัดสินใจที่จะซื้อนกชนิดต่างๆ มาเลี้ยง เนื่องจากนกบางชนิดกินอาหารที่มีลักษณะจำเพาะเป็นพิเศษ เช่น Lorikeetเป็นนกกินน้ำหวาน ไม่ได้กินเมล็ดธัญพืชและอาหารเม็ดเป็นหลัก ดังนั้น ถ้าเราตัดสินใจซื้อนกชนิดนี้มาเลี้ยง จำเป็นต้องซื้ออาหารสำเร็จรูปที่มีลักษณะเป็นผง ( A nectar replacement powder) มาผสมในอาหารให้นกกินทุกวัน ดังนั้น Lorikeet อาจไม่ใช่นกแก้วที่เหมาะกับผู้เลี้ยงมือ ใหม่มากนัก เนื่องจากมีข้อจำกัดที่ยากในเรื่องของการให้อาหารอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลถึงปัญหาสุขภาพในเวลาต่อมาได้
ดังนั้นในการตัดสินใจเลือกซื้อนกแก้วหรือนกชนิดอื่นๆก็ตาม ควรคำนึงถึงสิ่งดังกล่าวข้างต้น เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าทั้งผู้เลี้ยงและนกที่ถูกซื้อมาเลี้ยงจะมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีจากการเลี้ยงที่เหมาะสมตามความสะดวกของผู้เลี้ยงแต่ละคน และไม่เป็นการทำร้ายสัตว์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วย
สาระน่ารู้ > สาระน่ารู้ตลิ่งชัน
เรื่อง : ส.พญ. ลลนา เอกธรรมสุทธิ์
DVM, MAppSc(Wild Hlth Pop Man) The University of Sydney, Australia
Exotic Pet Clinic, โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน