วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคร้ายที่พบว่ามักจะเกิดกับผู้หญิงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมะเร็งปากมดลูกจะใช้เวลาในการเจริญเติบโตประมาณ 10-15 ปี และจะไม่ค่อยมีอาการในระยะเริ่มแรกจึงทำให้ผู้หญิงมักจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง
ดังนั้น เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกคุณควรตรวจหามะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี โดยการไปตรวจที่โรงพยาบาลหรืออนามัยใกล้บ้าน นอกจากนี้คุณยังสามารถป้องกันตัวเองจากมะเร็งปากมดลูกได้ ดังนี้
ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
การฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ดี โดยจะสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ HPV ได้ถึง 70% เลยทีเดียว ซึ่งการฉีดวัคซีนนั้นคุณจะสามารถฉีดตั้งแต่อายุ 9-26 ปีและควรฉีดกระตุ้นบ่อยๆ เมื่อถึงเวลา จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ดีและยังช่วยให้มดลูกแข็งแรงลดความเสี่ยงในการแท้งของผู้หญิงตั้งครรภ์ได้อีกด้วย
ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
จากสถิติของผู้หญิงที่เป็นมะเร็งปากมดลูก พบว่าผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยมีอัตราการเป็นมะเร็งสูงมากที่สุดในบรรดาผู้หญิงทั้งหมด ดังนั้น เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก สาวๆ ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยหรืออายุต่ำกว่า 20 ปี แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรฉีดวัคซีนป้องกันหรือให้ฝ่ายชายคุมโดยการใส่ถุงยางอนามัย จะช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้เป็นอย่างดี
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่
“ทาร์”หรือน้ำมันดินที่อยู่ในมดลูกจะสามารถตอบสนองต่อควันบุหรี่ได้ดี เมื่อคุณสูดดมควันบุหรี่เข้าไปมากๆ จะทำให้ทาร์ถูกขับออกมาจากมดลูกและก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ซึ่งหากทาร์ถูกขับออกมาบ่อยๆ เยื่อบุเซลล์มดลูกก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นมะเร็งปากมดลูกในที่สุด
ทานผักและผลไม้เป็นจำนวนมาก
การทานผักผลไม้เป็นจำนวนมากๆ และทานเป็นประจำ จะช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้เป็นอย่างดี เพราะในผลไม้จะมีวิตามินและแร่ธาติเป็นจำนวนมาก รวมถึงวิตามินที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านเชื้อ HPV ด้วย อีกทั้งผักและผลไม้ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของคุณได้ดี จึงป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้นั่นเอง
มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคร้ายที่อาจจะเกิดกับผู้หญิงได้ทุกเมื่อและทุกคน ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งปากมดลูก คุณควรดูแลตัวเองให้ดีรวมถึงการไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจคัดกรองหาเซลล์มะเร็งด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้พบเชื้อได้ทันก่อนที่มะเร็งจะลุกลามจนไม่สามารถรักษาได้แล้วนั่นเอง
นอกจากนี้ อย่าลืมสังเกตอาการผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณด้วยนะคะ อย่างเช่น ปวดท้องน้อย เบื่ออาหาร มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดทั้งๆ ที่ไม่ใช่ประจำเดือน เป็นต้น เพราะอาการเหล่านี้อาจจะเป็นอาการของโรคมะเร็งปากมดลูกได้