ยาคุมฉุกเฉิน ใช้อย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ
ยาคุมฉุกเฉินเป็นหนึ่งในยาที่ได้รับความแพร่หลายและรู้จักกันเป็นอย่างดีในสังคม เป็นชนิดของยาคุมกำเนิดประเภทหนึ่งที่เราใช้เป็นทางเลือกในการป้องกันการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย แต่สำหรับผู้ใช้ส่วนมากไม่ทราบถึงความแตกต่างของยาคุมกำเนิดทั่วไปและแบบยาคุมฉุกเฉิน ทำให้บางรายมีการใช้งานอย่างผิดวิธี ส่งผลให้ประสิทธิภาพของตัวยาคุมกำเนิดลดลง และอาจจะทำให้เกิดอันตรายตามมาหากใช้โดยไม่ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม
ยาคุมฉุกเฉินหมายถึง
ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาคุมกำเนิดประเภทหนึ่ง ใช้ในการป้องกันการตั้งครรภ์หรือป้องกันการปฏิสนธิของไข่และอสุจิแบบกะทันหัน ซึ่งเราจะใช้ยาตัวนี้ในกรณีที่จำเป็นจะต้องป้องกันแบบฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งอาจจะหมายถึงการที่คู่สามีภรรยามีการวางแผนครอบครัวเอาไว้โดยการคุมกำเนิดไม่ให้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น แต่เนื่องจากเกิดความผิดพลาดขณะมีเพศสัมพันธ์ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะตั้งท้องจึงจะมีการใช้ยาคุมฉุกเฉินตัวนี้นั่นเอง หรือแม้แต่คู่รักที่ยังไม่แต่งงานกัน แต่ฝ่ายผู้หญิงอาจจะลืมทานยาคุมแบบประจำไป หากเกิดพลาดพลั้งมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแบบไม่ทันได้ตั้งตัวและลืมทานยาแบบประจำก็สามารถทานยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเพื่อป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ในช่วงไม่พร้อมกันด้วยเช่นกันค่ะ
วิธีการกินยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธี
ยาคุมฉุกเฉินที่เราพบเห็นส่วนมากในประเทศไทยมักจะมีลักษณะเป็นกล่อง ภายในกล่องประกอบด้วยตัวยา 1 แผง โดยในแต่ละแผงก็จะประกอบไปด้วยยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด ในแต่ละเม็ดมีส่วนประกอบของฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรลอยู่สูง หรือประมาณ 750 ไมโครกรัมต่อเม็ด ในการกินยาคุมฉุกเฉิน จะต้องรีบกินยาเม็ดแรกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน โดยไม่ควรนานเกิน 72 ชั่วโมง
จากนั้นจึงจะกินยาเม็ดที่สองตามลงไปภายในระยะเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง ซึ่งหากใครมีผลข้างเคียงจากการกินยาโดยการอาเจียนออกมาหลังจากกินยาไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง จะต้องกินยาใหม่ และไม่ควรกินเกิน 4 เม็ดหรือประมาณ 2 กล่องติดต่อกันภายใน 1 เดือน และอย่างไรก็ตามยังมีคำแนะนำที่เราสามารถกินยา 2 เม็ดพร้อมกันได้ทันที ซึ่งไม่แตกต่างจากการแบ่งกินครั้งละเม็ด เพียงแต่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมักจะทำให้ผู้ที่กินยารู้สึกอยากอาเจียนมากกว่าการแบ่งกินทีละเม็ด
อย่างไรก็ตาม การป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยวิธีนี้ไม่สามารถป้องกันได้ถึงร้อยเปอร์เซ็นเต็ม เพียงแต่ช่วยให้โอกาสของการตั้งครรภ์ลดลง ดังนั้นถ้าหากไม่พร้อมก็ควรใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันอันเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีโอกาสเสี่ยงน้อยที่สุด