มะเร็งปากมดลูก..ภัยเงียบคร่าชีวิต เรื่องใหญ่ที่ผู้หญิงควรระวัง!

ทุกวันนี้ในโลกของเรามีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบที่คอยคร่าชีวิตผู้คนเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว และโรคมะเร็งปากมดลูกก็นับเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1

โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงที่ไปหาคุณหมอก็มักจะมาทราบตอนที่เป็นระยะท้ายๆ แล้ว จึงทำให้การรักษาเต็มไปด้วยความริบหรี่ และสาเหตุหลักๆ ก็คือ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะรู้สึกอายไม่กล้าไปตรวจภายในกัน จึงทำให้เชื้อลุกลามจนยากเกินเยียวยานั่นเอง และวันนี้เราจะพามารู้จักกับโรคมะเร็งปากมดลูกกันค่ะ

มะเร็งปากมดลูกคืออะไร?

สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูก (Cancer of Cervix) คือ ภาวะที่เซลล์ในร่างกายเกิดการแบ่งตัวขึ้นอย่างผิดปกติ และจะกัดกินเนื้อบริเวณรอบๆ ไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ บางคนใช้ระยะฟักตัวกันเป็นสิบปีก็มีค่ะ และลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ โดยไม่สามารถหายเองได้ ต้องอาศัยการผ่าตัดหรือฆ่าเชื้อ ซึ่งหากตรวจพบเร็วก็จะสามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ค่ะ

สาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากอะไรได้บ้าง?

- เกิดจากติดเชื้อไวรัสหูดโดยทางเพศสัมพันธ์

- การมีเพศสัมพันธ์ขณะอายุน้อย และมีคู่นอนหลายคน

- เกิดจากการมีลูกหลายคน

- เกิดจากกรรมพันธุ์ที่มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นมาก่อน

- การดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่

- เกิดจากภาวะภูมิต้านทานของร่างกายบกพร่อง อาทิ โรคเอดส์ เป็นต้น

- เกิดจากการขาดสารอาหาร

ผู้เป็นมะเร็งปากมดลูกมีอาการอย่างไร?

- มักมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างมีประจำเดือนอยู่

- เกิดตกขาวมากผิดปกติ และส่งกลิ่นเหม็นมากๆ

- ขณะมีเพศสัมพันธ์มักมีเลือดออกปนมา

- หากเชื้อลามไปยังอุ้งเชิงกรานจะเกิดอาการปวดหลังขึ้น

- ขณะขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระออกมาเป็นเลือด

รักษาโรคมะเร็งปากมดลูกทำอย่างไร?

- โดยการผ่าตัด ซึ่งเป็นการผ่าตัดเอาเซลล์ร้ายอย่างมะเร็งออกไป รวมถึงพื้นที่โดยรอบที่สงสัยว่าอาจมีเชื้ออยู่ แต่มีผลข้างเคียงคือ การตกเลือด หรือติดเชื้อ ฯลฯ

- โดยการฉายแสง เป็นการช่วยทำให้เซลล์มะเร็งมีก้อนเล็กลง เพื่อให้ทำการผ่าตัดได้ง่ายและสะดวกขึ้น แต่มีผลข้างเคียงคือ ความอ่อนเพลีย ผิวแห้งเป็นขุย หรือปัสสาวะปนเลือด

- โดยใช้คีโม เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดเซลล์มะเร็งร้ายแบบถึงรากถึงโคน แต่มีผลข้างเคียงคือ ผมร่วง, คลื่นไส้อาเจียน, อ่อนเพลีย รวมถึงมือและเท้าช้า และมีราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียว

วิธีป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก

- ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

- เลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้งห้าหมู่ โดยเน้นผักและผลไม้เป็นหลัก

- ไม่รับประทานอาหารประเภทปิ้งหรือย่าง โดยเฉพาะที่มีรอยไหม้ติดอยู่บนเนื้อสัตว์

- หมั่นตรวจเช็กร่างกายเป็นประจำ เพื่อดูว่ามีก้อนเนื้อที่สามารถพัฒนากลายเป็นมะเร็งได้หรือไม่

- ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ

- ไม่ดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่

- นอนหลับพักผ่อนในแต่ละวันให้เพียงพอ

- สำหรับผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ และอายุไม่เกิน 26 ปี สามารถฉีดวัคซีนป้องกันได้ค่ะ

ดังนั้น จึงควรไปทำการคัดกรองอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก และหมั่นไปตรวจเช็กภายในเป็นประจำ ที่สำคัญต้องไม่อายหมอนะคะ เพื่อหากเกิดโรคขึ้นจะได้รักษากันแต่เนิ่นๆ ได้อย่างทันท่วงทีนั่นเองค่ะ