การแปรงฟันของลูก สิ่งที่พ่อแม่ควรเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด

เราเชื่อว่าทั้งคุณพ่อและคุณแม่หลายๆ ท่านคงกำลังเป็นกังวลกับการหัดลูกน้อยให้รู้จักการแปรงฟันกันอยู่ ไหนจะเป็นต้องคอยเป็นห่วงลูก ไม่ให้ลูกน้อยนั้นกลืนยาสีฟันลงไป ถึงแม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะออกมาชี้แจง และจัดอบรมเกี่ยวกับการแปรงฟันให้ลูกน้อยแล้วก็ตาม ที่สำคัญยังเตือนพ่อแม่ให้เอาใจใส่ในเรื่องการเลือกยาสีฟัน และให้คำแนะนำในการหลีกเลี่ยงยาสีฟันที่มีกลิ่นหอม สีสวย ซึ่งจะเป็นสิ่งจูงใจให้เด็กนั้นกลืนยาสีฟันลงไป พร้อมทั้งยังแนะนำการบีบยาสีฟันให้ลูกในปริมาณที่พอเหมาะตามช่วงวัยของเด็กอีกด้วย วันนี้เรามีคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปรงฟันของลูกน้อยมาฝากกันค่ะ

โดยส่วนใหญ่แล้วในเด็กเล็กๆ มักจะกลืนกินยาสีฟันเข้าไปในระหว่างการแปรงฟันโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเด็กเล็กๆ นั้นยังไม่มีระบบควบคุมการกลืนได้อย่างเต็มที่นัก จึงทำให้เด็กไม่สามารถบ้วนยาสีฟันออกได้หมด หรือในเด็กบางคนยังตั้งใจที่จะกลืนกินยาสีฟันเข้าไป เพราะชอบในรสชาติ กลิ่น และสีของยาสีฟันนั้นด้วย ซึ่งพฤติกรรมการกลืนยาสีฟันแบบไม่ตั้งใจของเด็กระหว่างแปรงฟันนั้น ส่วนใหญ่มักจะขึ้นอยู่กับอายุ และปริมาณยาสีฟันที่ใช้ในแต่ละครั้งด้วย

ถ้าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี จะกลืนยาสีฟันมากกว่าครึ่งหนึ่ง และเด็กอายุ ระหว่าง 3-6 ปี จะกลืนยาสีฟันประมาณหนึ่งในสามของปริมาณยาสีฟันที่ใช้ คุณทราบหรือไม่ว่าการกลืนยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในปริมาณที่มากพอสมควรนั้น จะทำให้เกิดอาการฟันตกกระ ซึ่งจะเกิดเป็นปัญหาด้านความสวยความงามของผิวฟันตามมาในภายหลังได้ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงมีมาตรการส่งเสริมให้คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง แปรงฟันให้เด็กด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสมตั้งแต่ฟันน้ำนมเริ่มขึ้นหรือในขวบปีแรก ซึ่งจะสามารถป้องกันฟันผุได้ถึงร้อยละ 30 ที่สำคัญควรควบคุมการบีบยาสีฟันในปริมาณที่เหมาะสมของเด็กในแต่ละช่วงวัยด้วยค่ะ

กล่าวคือ ถ้าเด็กมีอายุต่ำกว่า 3 ปี ให้ใช้ยาสีฟันในปริมาณแค่แตะพอชื้นๆ เท่านั้น ส่วนเด็กอายุ 3-6 ปี ให้ใช้ปริมาณครึ่งเซนติเมตรหรือเท่าเมล็ดข้าวโพดก็เพียงพอแล้วละค่ะ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเด็กจะสามารถแปรงฟันได้เองแล้วแต่อาจจะไม่สะอาดพอ เพราะฉะนั้นผู้ปกครองหรือคุณพ่อคุณแม่จึงควรแปรงฟันซ้ำให้ลูกอย่างน้อย วันละหนึ่งครั้ง และควรเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ผสมอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมตามอายุของเด็กด้วย