น่ารู้! ประโยชน์และโทษของคลอโรฟิลล์ ดีจริงหรือมั่ว?

น่ารู้! ประโยชน์และโทษของคลอโรฟิลล์ ดีจริงหรือมั่ว?

น่ารู้! ประโยชน์และโทษของคลอโรฟิลล์ ดีจริงหรือมั่ว?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คลอโรฟิลล์ มักถูกนำมาสกัดและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ พร้อมอวดอ้างสรรพคุณต่างๆ อย่างล้นหลาม สำหรับใครที่อยากรู้ว่าแท้จริงแล้ว ประโยชน์จากคลอโรฟิลล์นั้นมีจริงหรือไม่ หรือมีโทษอย่างไร ติดตามจากบทความนี้ เรามีคำตอบให้ค่ะ

ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์

ทางเภสัชวิทยาได้ทำการวิจัยค้นพบว่า คลอโรฟิลล์เป็นสารสีที่มีฤทธิ์ต่อต้านการกลายพันธุ์ โดยมีคุณสมบัติในการกำจัดอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่กลไกการกำจัดอนุมูลอิสระของคลอโรฟิลล์นั้นจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อ อยู่ในรูปของโมเลกุลชนิดที่ไม่ละลายน้ำแต่เพียงเท่านั้น นอกจากนี้ คลอโรฟิลล์ยังสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากก็มีในปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้ยาฆ่าเชื้อชนิดอื่นๆ

น่ารู้! ประโยชน์และโทษของคลอโรฟิลล์ ดีจริงหรือมั่ว?
น่ารู้! ประโยชน์และโทษของคลอโรฟิลล์ ดีจริงหรือมั่ว?

ดังนั้น เราจึงสรุปได้ว่า ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์กับการต้านอนุมูลอิสระในร่างกายคนเรา ยังไม่มีหลักฐานจากทางการแพทย์ให้การยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าสามารถทำได้จริง เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์ที่ใช้ดื่มกันทุกวันนี้ส่วนใหญ่มักต้องละลายน้ำก่อนจึงจะรับประทานได้ และหากนำมาใช้เพื่อการฆ่าเชื้อก็อาจจะไม่ได้มีผลเท่าใดนัก

พร้อมกันนี้ แม้องค์การอาหารและยาของทางอเมริกาจะกำหนดไว้ว่า คลอโรฟิลล์เป็นสารที่มีคุณสมบัติดั่งยาระงับกลิ่นปาก และลดกลิ่นของปัสสาวะได้ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลจากทางการแพทย์ออกมายืนยันอย่างแน่ชัดเช่นกันว่า คลอโรฟิลล์มีสรรพคุณช่วยในการล้างพิษ ดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และบำรุงผิวให้สวยใสเปล่งปลั่ง รวมถึงช่วยสมานแผลของโรคกระเพาะและลำไส้ได้จริงอย่างที่อวดอ้างกัน ไม่เพียงเท่านั้น สำนักงานอาหารและยาของประเทศไทยเองก็ยังเตือนด้วยว่า ไม่ควรรับประทานคลอโรฟิลล์มากเกินกว่าวันละ 450 มิลลิกรัม

น่ารู้! ประโยชน์และโทษของคลอโรฟิลล์ ดีจริงหรือมั่ว?
น่ารู้! ประโยชน์และโทษของคลอโรฟิลล์ ดีจริงหรือมั่ว?

โทษของคลอโรฟิลล์

ปัจจุบันมีคลอโรฟิลล์ที่ถูกนำมาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์วางจำหน่าย แต่อย่างไรเสีย สารคลอโรฟิลล์ที่ได้มาก็ไม่ใช่สารจากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพโดยแท้ เพราะฉะนั้น หากทานเกินวันละ 450 มิลลิลิตร ก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ มีผดผื่นคันตามมา อุจจาระร่วง ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีดำ และยังทำให้สีปัสสาวะหรืออุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้ไตทำงานหนัก อันเนื่องจากสารอะซีโตนและแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารทำละลายคลอโรฟิลล์ที่ได้มาจากพืช ทำให้ไตเสื่อมสภาพและไม่แข็งแรง อีกทั้งทางด้านสำนักอาหารและยา ยังมีข้อห้ามไม่ให้เด็กและสตรีที่ตั้งครรภ์รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคลอโรฟิลล์โดยเด็ดขาด เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่นำมาซึ่งอันตรายต่อสุขภาพได้

เมื่อทราบกันดีแล้วว่า คลอโรฟิลล์ที่วางจำหน่ายในรูปแบบอาหารเสริม แทบไม่ได้มีสารอาหารจริงหลงเหลืออยู่เลย เพื่อไม่เพิ่มอันตรายให้สุขภาพ และเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเข้าไปเต็มๆ แนะนำให้หันมารับประทานผักและผลไม้จะดีกว่า เพราะกจะทำให้ร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์จากพืชแบบโดยตรงมากกว่านั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook