อาการของโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์ รู้จักไว้จะได้แก้ไขทันการณ์

หลายคนอาจจะทราบกันบ้างแล้วว่าสาเหตุในการเกิดโรคซึมเศร้านั้นเกิดจากสาเหตุใด ในบทความนี้เราจะมาบอกถึงอาการของโรคซึมเศร้าและอาการของโรคไบโพลาร์ให้ได้ทราบกันต่อค่ะ

อาการของโรคซึมเศร้า

จริงๆ แล้วอาการของโรคซึมเศร้าในผู้ป่วยแต่ละคนจะเกิดแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนมากมักจะมีอาการในลักษณะดังนี้

1. มักมีอารมณ์ซึมเศร้า แต่ในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นอาจจะมีอารมณ์หงุดหงิดแทนก็เป็นได้ เพราะอาการอาจจะยังไม่แสดงออกชัดเจนว่านักเป็นอาการในโรคซึมเศร้า
2. รู้สึกหมดสนุกกับชีวิตหรือมีความสนใจต่อกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างความเพลิดเพลินน้อยลง
3. น้ำหนักตัวอาจจะลดลงหรือเพิ่มมากขึ้น (น้ำหนักตัวสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน) หรืออาจจะมีอาการเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารผิดปกติมากนั่นเอง
4. มีอาการนอนไม่หลับหรืออาจจะหลับมากจนเกินไป
5. ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง เหนื่อยง่าย เฉื่อยชา กระวนกระวายและอยู่ไม่สุข
6. มีความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ต่ำต้อย ท้อแท้ใจ หมดกำลังใจกับการดำรงชีวิตได้ง่ายๆ
7. ใจลอย ขาดสมาธิ มีความลังเลใจ วิตกกังวลไปกับทุกเรื่อง
8. คิดแต่เรื่องการอยากฆ่าตัวตายหรือคิดอยากจะตาย

สำหรับข้อสังเกตว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ หากสำรวจพบว่ามีอาการอย่างน้อย 2 ข้อ และหากมีอาการนานกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไปหรือมีอาการแทบจะตลอดเวลาแทบทุกวันด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งมีแนวโน้มสูงทีเดียวว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้าอย่างแท้จริง แนะนำให้รีบพบจิตแพทย์โดยเร็วจะดีที่สุด

รู้จักโรคซึมเศร้าและอาการที่สลับกับการมีอารมณ์ดีผิดปกติ (Bipolar disorder)

นอกจากโรคซึมเศร้าที่เกิดจากภาวะทางจิตที่ย่ำแย่แล้ว ยังมีโรคทางอารมณ์อีกหนึ่งชนิดที่เมื่อเวลาเป็นแล้วผู้ป่วยจะมีอาการแบบสุดโต่งตรงกันข้าม นั่นก็คือ โรคไบโพลาร์ สำหรับอาการที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยนั้นมี 2 แบบคือ แบบซึมเศร้าปกติและอาการตรงกันข้ามกันอย่างชัดเจน จริงๆ แล้วผู้ป่วยเองนั้นก็มีอาการเหมือนกับโรคซึมเศร้าทั่วไป ทว่าจะแสดงอาการออกตรงกันข้าม (manic episode) สำหรับอาการที่ผู้ป่วยจะแสดงออกมานั้น เช่น มีความสุขมาก อารมณ์ดีอย่างผิดปกติ พูดเก่ง หัวเราะเก่ง ใจดี บางรายอาจจะถึงขั้นไปก้าวก่ายชีวิตของคนอื่นหรือมีความต้องการทางเพศสูง เป็นต้น

วิธีรักษาโรคซึมเศร้าสลับกับการมีอารมณ์ดีแบบผิดปกตินั้น จะต้องได้รับการรักษาด้วยยาที่มีความแตกต่างไปจากยาโรคซึมเศร้าทั่วไป เพราะฉะนั้น เมื่อผู้ป่วยไปพบจิตแพทย์ แพทย์ก็มักจะสอบถามประวัติด้วยว่าเคยมีช่วงอารมณ์ที่ผิดปกติเป็นพิเศษหรือไม่ ทั้งนี้จะได้แยกโรคในการรักษาได้อย่างถูกต้องต่อไปนั่นเอง

ใครที่มีอาการซึมเศร้าและมีภาวะอารมณ์ดีผิดปกติดังกล่าว หรือมีคนใกล้ตัวมีอาการลักษณะนี้อยู่ อย่าปล่อยเอาไว้นานเด็ดขาด รีบพาพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่าค่ะ