รู้ทันโรคเกาต์ โรคใกล้ตัวผู้สูงอายุที่ต้องดูแลใส่ใจ
ถ้าพูดถึงโรคเกาต์ คงไม่มีใครไม่รู้จักเพราะเป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ใหญ่ หรือบางคนอาจคิดว่าโรคเกาต์คือ โรคในกลุ่มของผู้ที่ทานไก่เป็นประจำ วันนี้เราได้นำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับโรคเกาต์ เพื่อผู้ป่วยโรคนี้สามารถรู้ถึงวิธีการดูแลรักษา หรือคนทั่วไปสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคเกาต์นั่นเอง
โรคเกาต์ คืออะไร?
โรคเกาต์ คือ ข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อ จนทำให้เกิดอาการปวดบวมบริเวณข้อ ซึ่งโรคเกาต์มักเป็นทีละข้อ และพบบ่อยในบริเวณนิ้วโป้งเท้า แต่อย่างไรก็ตามโรคชนิดนี้สามารถพบที่ข้ออื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อเท้า ข้อศอก และข้อเข่า เป็นต้น
อาการของโรคเกาต์
ในส่วนของอาการของโรคเกาต์นั้น จะแสดงถึงความปวดที่รุนแรงในบริเวณข้อ ซึ่งบริเวณรอบข้อจะบวมแดงและร้อน ทั้งนี้อาจมีไข้ในระดับต่ำ นอกจากนี้อาการในระยะเฉียบพลันอาจหายเองได้ แต่หากเป็นโรคเกาต์ที่มีอาการเรื้อรัง ก็อาจพบก้อนแข็งสีขาวใต้ผิวหนังที่เรียกว่า Tophi โดยจะต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 10 ปีหลังจากที่มีอาการโรคเกาต์ครั้งแรก โดยที่ก่อนชนิดนี้จะมีอาการอักเสบหรือแตกได้ และสิ่งที่ไหลออกมาจะมีลักษณะที่คล้ายกับยาสีฟัน
สาเหตุของการเกิดโรคเกาต์
โรคเกาต์เกิดจากการที่ร่างกายมีปริมาณของกรดยูริกมาก ซึ่งเกิดจากการกินอาหารที่มีกรดยูริกสูง เกิดจากการที่ไตไม่สามารถขับกรดยูริกออกจากร่างกายได้ รวมทั้งการที่ร่างกายสร้างกรดยูริกมากจนเกินไป ทั้งนี้เมื่อกรดยูริกมีในปริมาณที่มากก็จะทำให้เกิดการสร้างผลึก และถูกสะสมในส่วนของบริเวณเนื้อเยื่อและรอบข้อ ซึ่งผลึกมักจะถูกสร้างในบริเวณที่มีอุณหภูมิในร่างกายที่ต่ำหรือเย็น ดังนั้นจึงพบโรคเกาต์ได้ในบริเวณนิ้วมือและนิ้วเท้า ในส่วนของระดับของกรดยูริกนั้นอาจไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรค แต่มีการพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ชายที่มีอายุประมาณ 30-60 ปี ในกลุ่มผู้หญิงวัยทอง กลุ่มของผู้ที่ทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เนื้อแดงและอาหารทะเล รวมถึงกลุ่มผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ เป็นต้น
ขอบคุณภาพประกอบจาก : istock
การวินิจฉัยโรคเกาต์
ในส่วนของการวินิจฉัยโรคเกาต์นั้น แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายของผู้ป่วยในขั้นเบื้องต้น พร้อมทั้งมีการตรวจเลือดเพื่อเป็นการวัดระดับของกรดยูริกในเลือด ซึ่งหากมีอาการที่เข้าได้กับโรคเกาต์อาจต้องเจาะน้ำไขข้อเพื่อการวินิจฉัยแยกโรคต่างๆ และเพื่อเป็นแนวทางการรักษาต่อไป
วิธีรักษาโรคเกาต์
โรคเกาต์สามารถหายได้เองภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ แต่หากร่างกายไม่ได้รับการรักษาหรือการป้องกันการเกิดโรค ก็อาจจะทำให้โรคกลับมาเป็นซ้ำๆ และบ่อยขึ้นได้ อีกทั้งอาจมีอาการที่รุนแรงมากกว่าเดิม ในส่วนของการรักษาสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในเรื่องของการทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ ดอกกะหล่ำ ลดการดื่มเบียร์ และเครื่องดื่มแองกอฮอล์ทุกชนิด รวมทั้งการหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้ควรกินยาเพื่อรักษาโรคดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งการกินยาจะแบ่งออกเป็นในระยะเฉียบพลัน
การรู้ทันโรคเกาต์นั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยในการป้องกันและดูแลรักษาโรคเกาต์ได้ถูกวิธี อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
