เมื่อลูกนอนสะดุ้ง...ควรทำไงดีนะ?
คุณแม่ที่มีลูกอ่อนหรือทารกแรกเกิดถึงขวบเศษๆ คงจะพบเจออาการสะดุ้งของลูกน้อยอยู่บ่อยครั้งในขณะที่ลูกนอนหลับ ถ้าเคยผ่านประสบการณ์เป็นคุณแม่มาแล้วก็คงจะมีวิธีและแนวทางแก้ไข ส่วนคุณแม่มือใหม่อาจจะวิตกกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกน้อย และจะเป็นอันตรายหรือไม่เพียงไร
อาการสะดุ้งหรือผวา คือปฏิกิริยาสะท้อนกลับอัตโนมัติ (Reflex) ของทารก เป็นเรื่องปกติธรรมดา อาการนี้จะหายไปเมื่อเด็กโตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสาเหตุภายนอกอื่นๆ ที่ทำให้เด็กทารกสะดุ้งหรือผวามี 2 ปัจจัย คือ
1.ความไวต่อเสียง เนื่องจากทารกมีโพรงหูเล็กกว่าผู้ใหญ่ทำให้ไวต่อเสียงมากกว่าโดยเสียงที่เด็กทารกได้ยิน คือ -10 ถึง 140 เดซิเบล ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไปที่ได้ยินเสียงอยู่ระหว่าง 0 – 120 เดซิเบล ทำให้ทารกสะดุ้งตื่นแม้เพียงมีเสียงดังเบาๆ
แนวทางแก้ไข คือ เปิดเพลงเบาๆ โดยเฉพาะเพลงที่เคยได้ยินขณะอยู่ในครรภ์ หรือแง้มประตูห้องไว้เพื่อให้ได้ยินเสียงพ่อแม่พูดคุย เสียงกิจวัตรประจำวันของครอบครัวและสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน แต่ไม่ควรดังเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายต่อระบบการเจริญเติบโตของหูและสมองของเด็ก
2.สะดุ้งจากการฝัน จะสังเกตเห็นว่าเปลือกตาของทารกจะไหวไปมาขณะหลับนั่นเป็นเพราะเด็กทารกตอบสนองต่อสิ่งที่กำลังฝัน แต่เด็กเล็กๆ จะไม่มีฝันร้าย จะมีเพียงรูปภาพโดยจะฝันมากสุดใน 2 สัปดาห์แรก แล้วจะค่อยๆ ลดลงเมื่อโตขึ้นจนหลังอายุ 3 ปี จึงฝันเท่ากับผู้ใหญ่ ขณะที่ทารกฝันสมองของเขาจะทำงาน เซลล์สมองมีการเชื่อมกันตลอดเวลาและมีส่วนสำคัญมากต่อพัฒนาการด้านการคิด
แนวทางแก้ไขเมื่อทารกสะดุ้งหรือผวา
- ใช้ผ้าห่อตัว เพราะจะทำให้ทารกน้อยรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในครรภ์แม่ แต่ควรเลือกผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เป็นเมืองร้อนของบ้านเรา ถ้าอยู่ในห้องปรับอากาศก็ให้ใช้ผ้าห่อตัวแบบปกติทั่วไปหรือผ้าเช็ดตัว
- ให้เด็กนอนคว่ำ วิธีนี้ใช้ได้ผลเกือบ 100% เลยทีเดียว แต่เหมาะสำหรับทารกที่คอเริ่มแข็งแรงหรือมีน้ำหนักตัวประมาณ 3,500 – 4,000 กรัม ซึ่งอายุแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป และที่นอนควรแบนเรียบแต่นุ่ม ไม่ควรเป็นที่นอนแบบยุบตัวอาจทำให้เด็กหายใจลำบาก
- ใช้ผ้าหนาหน่อยพับเท่าฝ่ามือพาดทับหน้าอกของทารกน้อยขณะหลับจะช่วยลดอาการสะดุ้งได้
- นอนตะแคง เหมาะสำหรับทารกแรกเกิด หรือทารกน้ำหนักต่ำกว่า 3,500 กรัมขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแต่ละคน ควรนำหมอนวางรองด้านหลังของเด็กด้วย
คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายลองพิจารณาดูนะคะ ว่าแนวทางไหนเหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณ