ขอ..ขึ้นเงินเดือน ยังไงดี
สถานการณ์ : เจ้านายเรียกคุณประเมณผลงานปลายปี เพื่อปรับเงินเดือน
เป้าหมาย : คุณมีตัวเลขในใจ อยากขึ้นจาก 22,000 เป็น 30,000 โห..36% คุณจำเป็นต้องมีศิลปะการเจรจาต่อรองขั้นสูง ติดตัวไว้ก่อนขอแล้วกัน
เตรียมกลยุทธ์ ก่อนพูด :
1. รู้ตัว รู้นาย รู้บริษัท
ก่อนอื่นคุณต้องประเมินความสามารถตัวเองอย่างแฟร์ๆ ก่อน ในกรณีนี้ขอแนะนำเฉพาะสาวๆ ที่มีเหตุผลชัดเจนว่าตัวเองมีความสามารถมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับ ต่อจากนั้นคุณต้องเข้าใจ insight ของนาย ลองคิดว่าเขามองคุณอยู่ในลูกน้องกลุ่มคุณภาพ กลุ่มเฉยๆ หรือกลุ่มที่เสียไปแล้วไม่กระทบบริษัท นอกจากนี้ คุณต้องรู้สถานการณ์บริษัทด้วย
2. รู้ Rate
เงินเดือนน้อยหรือมาก เอาอะไรมาวัด? คุณต้องพอรู้คร่าวๆ ว่าตำแหน่งเดียวกันคนอื่นได้เท่าไหร่ ทั้งในบริษัทคุณเองและบริษัทอื่นๆ อีกอย่างคุณต้องมีผลงานที่ชัดเจนทั้งในอดีตและสิ่งที่คุณจะทำได้ในอนาคต
3. เพิ่มอำนาจต่อรอง
ในเคสที่คุณเป็นพนักงานคุณภาพสูง เงินเดือนต่ำ (ในขั้น unfair) ขอแนะนำให้คุณไปหางานที่อื่นเรียกเงินเดือนที่คุณต้องการ ทำตัวเป็น "สาวเก่ง เลือกได้" แต่อย่าให้เพื่อนร่วมงานรู้ ว่าคุณพยายามหา แต่ควรให้เกิดกระแสว่ามีคนทาบทามมามากมาย ทีนี้แหละคุณจะอยู่ในสถานการณ์เป็นต่อ แต่ถ้าคุณมั่นใจในความสามารถของตัวเองซะอย่าง วิธีนี้ก็ไม่จำเป็น
แนวทางการขอขึ้นเงินเดือน**
1. ตรงไปตรงมา + ท้าทายตัวเอง
a) "มีเรื่องจะขอปรึกษาค่ะ เกี่ยวกับการพัฒนางานของดิฉันกับการอยู่ที่นี่"
b) "อยากจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับการทำงานของฉันที่ผ่านมา และวางแผนการทำงานร่วมกันค่ะ"
แนวทางนี้คุณต้องมั่นใจ และมีผลงานในมือ ต้องคิดมาอย่างดีแล้วว่าคุณจะทำอะไรให้บริษัทเพิ่มขึ้น ก่อนอื่นให้เปิดประเด็นเป็นการขอปรึกษา ถามถึงความพอใจในผลงานที่ผ่านมาของคุณ บอกถึงสิ่งที่คุณมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อบริษัท และสร้างความมั่นใจว่าบริษัทจะได้อะไรจากคุณ ให้นายรู้สึกว่า "you can invest on me and we can grow up together" ถ้าคุณเก่งจริงต้องลองดู มันเป็นการสร้างสถานการณ์ win-win นั้นแหละ
2. มีโอกาสดีๆ แต่ไม่อยากไปเพราะรักองค์กร
a) "ตอนนี้มีโอกาสดีๆ เข้ามา แต่ดิฉันรักที่นี่ เลยจะขอปรึกษาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรได้บ้างคะ"
b) "ดิฉันอยู่ที่นี่มานาน เติบโตมากับที่นี่ ไม่เคยคิดจะย้ายงาน แต่อนาคตก็เป็นสิ่งสำคัญ"
ความจริงใจและการคุยแบบเปิดอกก็สำคัญในการขอขึ้นเงินเดือน ในกรณีที่คุณได้รับข้อเสนอดีๆ จากบริษัทอื่น คุณควรขอคุยกับนายถึงความรู้สึกรักที่นี่ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ แต่อนาคตและโอกาสของคุณเป็นคนละเรื่องกัน และที่สำคัญอย่ายื่นคำขาดว่า ถ้าไม่ได้คุณจะย้าย เปิดโอกาสให้นายคุณได้มีเวลาพิจารณาด้วย
3. ฉันเชื่อถือในความยุติธรรมของคุณ...ให้ดูตามผลงาน
a) "ดิฉันพอใจกับผลงานที่ทำมาแต่อยากให้คุณพิจารณาตามความเหมาะสม"
b) "ดิฉันไว้ใจคุณในเรื่องนี้ คงไม่เรียกร้อง เพราะรู้ว่าคุณคิดแล้วว่าเหมาะสม"
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้วิธีนี้ แต่คุณต้องเก่งมากและมีนายที่ดีและแฟร์ รวมทั้งบริษัทอยู่ในสถานการณ์ที่ดี คุณอาจให้เวลานายในการพิจารณาและมาคุยกันอีกคร้ัง และรอดูว่าตัวเลขนั้นคุณพึงพอใจหรือไม่ ถ้ามันใกล้เคียง ขอแนะนำให้คุณตอบรับว่าคุณพอใจ และขอบคุณนายด้วย บางครั้งการไม่เอ่ยขอ ก็ทำให้นายคิดว่าจำนวนที่ขึ้นให้ต้องเหมาะสมและทำให้คุณพอใจ แต่ย้ำว่า ถ้าคุณไม่แน่จริง วิธีนี้อาจทำให้คุณได้ขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
4. มีความลำบากในชีวิต + เสนอสิ่งที่จะทำ
a) "อยากขอปรึกษาคุณเกี่ยวกับการปรับสวัสดิการ"
b) "ตอนนี้ดิฉันมีภาระเพิ่มขึ้น จึงอยากเสนอที่จะทำงานเพิ่ม และขอปรึกษาเรื่องการปรับเงินเดือนหรือสวัสดิการ"
ถ้าคุณกับนายมีความสัมพันธ์อันดีเหมือนพี่น้องที่คุยปรับทุกข์กันได้ ให้คุณคิดถึงสิ่งที่คุณจะทำเพิ่มให้องค์กร เช่น คุณกำลังเรียนโทเพิ่มด้านภาษาและจะพัฒนางานได้จริง อย่าลืมว่าคุณสามารถขอสวัสดิการอื่นๆ เพิ่มแทนก็ได้
-------------------------
ข้อคิด
- มูลค่ามาพร้อมกับคุณค่าเสมอ ผลงานคงเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากที่สุดที่จะทำให้คุณได้รับเงินเดือนเพิ่ม ทางที่ดีเลิกคิดน้อยใจในเงินเดือน แต่คิดว่าจะพัฒนาผลงานด้วยตัวเองให้ดีขึ้นได้ยังไงดีกว่า
- ถ้ามั่นใจว่าตัวเองมีคุณค่ากับบริษัท อย่างรีรอที่จะขอ ทุ่มเทแล้วก็ต้อง Happy กับการตอบรับ...
ที่มา : นิตยสาร Cosmopolitan (กันยายน 2010)