ปล่อยเด็กร้องไห้จนหยุดไปเองดีจริงหรือไม่
ขณะที่เราตั้งครรภ์ทารกน้อยๆ เราก็เฝ้าเอาใจประคบประหงมดูแลเทคแคร์เป็นดิบดีจริงไหมคะ จนกระทั่งเขาคลอดออกมาลืมตาดูโลก วันเวลาเปลี่ยนไปการเลี้ยงดูปูเสื่อจากพ่อแม่ทำให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นตามวันเวลา และหากในเวลาที่เด็กๆ ร้องไห้งองแงในสมัยก่อนในรุ่นคุณตาคุณยาย เค้าจะเข้ามาโอ๋กันทุกบ้าน แต่ในสมัยนี้เอาวิธีของฝรั่งหรือของต่างประเทศมาใช้ คือการปล่อยให้เด็กร้องไห้จนเด้กหยุดร้องไปเองโดยทำเป็นไม่สนใจใยดี การทำแบบนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้เด็กได้เข้าใจว่าร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ จนต้องหยุดร้องไห้ไปเอง เลิกงองแงไปเอง
ระวัง! การปล่อยเด็กร้องไห้ให้หยุดเองทำให้เด็กก้าวร้าวได้
การปล่อยเด็กให้อยู่กับความรู้สึกแบบนี้โดยไม่บอกให้เด็กรู้เหตุผลว่าทำไมจะทำให้เด็กมีความก้าวร้าว เพราะเด็กจะต้องต่อสู้กับอารมณ์ของตัวเองโดยไม่มีใครคอยชี้แนะ ชักจูง หรือให้กำลังใจ ต้องอยู่กับความรู้สึกที่ว้าเหว่เหมือนไม่เป็นที่ต้องการของคนอื่นในเวลานั้น เมื่อเด็กโมโหจะทำให้เกิดเป็นความโมโหร้ายขึ้น และถ้าปล่อยไว้นานๆ จนเด็กโตเด็กจะไม่เกิดความเครารพในตัวพ่อแม่
พ่อแม่ช่วยปลอบแต่ต้องดูให้เป็นแต่ละสถานการณ์ไป
การที่จะให้เด็กหยุดพฤติกรรมการร้องไห้งองแงจากความไม่ได้ดังใจของเด็กเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอยากได้ของเล่น การอยากทำสิ่งต่างๆ หรือการเจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ ก็ดีนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการหยุดพฤติกรรมนั้น เช่นเข้าไปห้าม เข้าไปหยุดโดยให้เหตุผลหรือเข้าไปให้กำลังใจ อันนี้ต้องดูสถานการณ์ว่าควรจะทำเช่นไรดี
เพราะในเด็กแต่ละคนจะมีนิสัยที่ไม่เหมือนกัน และเมื่อเด็กได้รับความใกล้ชิดจากคุณพ่อคุณแม่ เด็กก็จะเชื่อฟังไม่กร้าวร้าวและยังเป็นเด็กที่มีเหตุผลอีกด้วย แต่ทั้งนี้ในบางเรื่องก็ไม่ควรที่จะใจอ่อนลงไปช่วยจนกว่าจะถึงที่สุดเสียก่อน เพื่อให้เด็กได้มั่นใจในตัวเองและมั่นใจในตัวคุณพ่อคุณแม่ว่าสามารถช่วยตนได้เมื่อถึงคราวคับขันจริงๆ
การเลี้ยงลูกตั้งแต่เล็กจนโตสำหรับพ่อแม่มือใหม่หลายคนนั้นเรียกว่าอาจจะอดหลับอดนอนกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น อาจจะมีกันบ้างที่เมื่อเขาโตขึ้นมาแล้วกลายเป็นเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง ร้องไห้งอแงแล้วพ่อแม่จะต้องพลอยหงุดหงิดไปด้วยบ่อยๆ นั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาค่ะ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้ทราบตามคำแนะนำดังที่เราบอกไปแล้ว จากนี้ก็จงค่อยๆ ปลอบใจลูกอย่าปล่อยให้เขาร้องไห้นานจนเกินไปนะคะ