โรคฉี่หนู คืออะไร? อันตรายแค่ไหนมาดูกัน!
ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ในบางพื้นที่อาจมีน้ำท่วมขัง ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของน้ำเนาเสีย กองขยะที่เปียกชื้น และสิ่งปฏิกูลต่างๆ มากมายเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งรวมอาหารของสรรพสัตว์ที่มีเชื้อโรคทั้งหลาย อย่างเช่น หนู แมลงวัน และแมลงสาบ แต่ที่สร้างผลเสียให้กับคนเรามากที่สุดก็คือหนู เพราะหนูเป็นตัวพาหะที่ทำให้เกิดโรคระบาดในภายหลังน้ำลดได้ อย่างที่เคยมีหน่อยงานสาธารณสุขหลายๆ พื้นที่แจ้งเตือนกันเสมอ นั่นก็คือโรคฉี่หนู และนี่เองเป็นสิ่งที่คุณและทุกคนในครอบครัวต้องระวังกันให้มากที่สุดค่ะ
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโรคฉี่หนูกันอีกครั้งนะคะ โรคชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นโรคระบาดในคน โดยได้รับการติดต่อมาจากสัตว์ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ เลปโตสไปรา (Leptospira) ซึ่งเป็นเชื้อที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ที่เป็นพาหะ และไม่ใช่เพียงแค่หนูอย่างเดียว แต่อาจรวมไปถึง วัว ควาย หรือสัตว์เลี้ยงใกล้ตัวอย่างเช่น หมา แมว ด้วยก็ได้ ดังนั้น การเล่นน้ำ ลุยน้ำ หรือการแช่ในน้ำที่ท่วมขังเป็นระยะเวลานานๆ จึงอาจทำให้ติดเชื้อโรคฉี่หนูได้ เชื้อแบคทีเรียนี้จะอยู่ในน้ำหรือในดินที่ชื้น และเข้าสู่ร่างกายของเราทางบาดแผลที่บริเวณผิวหนัง หรือทาง ตาและปาก
ถ้าเป็นไข้หวัดห้ามละเลย เด็ดขาด เพราะ อาการของผู้ที่ติดเชื้อโรคฉี่หนูนี้จะมีอยู่ 2 แบบ คือแบบที่ไม่รุนแรง โดยจะมีอาการคล้ายๆ ว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา เช่น ปวดศีรษะ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และแบบที่มีอาการอย่างรุนแรง ถ้าหากเชื้อเข้าไปอยู่ในลูกตา จะทำให้ตาอักเสบแดง น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ และถ้าหากเชื้อเข้าไปอยู่ในท่อไต อาจจะทำให้ไตวาย หากเชื้อเข้าไปในสมอง ก็จะมีอาการเพ้อ ไม่รู้สึกตัว และถ้าหากมีการติดเชื้อทั่วร่างกายจะทำให้เลือดออกในร่างกาย จนทำให้เสียชีวิตได้ การระบาดของโรคฉี่หนูที่ทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุดเนื่องจาก มีอาการคล้ายเป็นไข้ธรรมดา จึงเกิดความชะล่าใจ ถือได้ว่าเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ลำบากมากค่ะ
วิธีป้องกันภัยจากโรคนี้ ด้วยการ กำจัดหนู ซึ่งเป็นพาหนะของโรค ห้ามเด็กลงเล่นน้ำตามแหล่งที่ท่วมขังต่างๆ ให้ใส่ถุงมือ ถุงเท้า และรองเท้าบู๊ต หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือการจับสัตว์ที่เป็นพาหนะของโรค และห้ามนำอาหารที่ไม่ปิดฝาทิ้งไว้ข้ามคืนมาทานเด็ดขาด
สิ่งสำคัญ ควรเฝ้าสังเกตอาการของคนในบ้านหรือคนใกล้ตัว ว่ามีบาดแผลตามร่างกายที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้หรือเปล่า หรือมีไข้ ปวดศีรษะ ตัวร้อน ตาแดง ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว บ้างหรือไม่ ถ้ามีก็ให้คุณรีบพาไปพบแพทย์ทันที และควรแจ้งให้แพทย์ทราบในรายละเอียดต่างๆ ด้วยนะคะ เพื่อจะได้รักษาหรือหาวิธีช่วยได้ทันท่วงทีค่ะ