อร่อยเบาๆหลังปาร์ตี้ปีใหม่ กับ Clean Food แบบไทยสไตล์

สวัสดีย้อนหลังวันปีใหม่ (แถมวันเด็กด้วยอีกวัน 55555) เป็นไงบ้างค้าาา หลังวันหยุดยาวหลายคนคงไม่ต่างจากจิงที่เพลิดเพลินกับการกิน กิน และก็กินนนนน... จนตอนนี้ยังไม่กล้าเดินเฉียดตาชั่งเลยยย ฮ่าๆๆๆ (ฮือๆๆ)

วันนี้จิงเลยมีเมนูเบาๆ ที่ทั้งทำง่ายและดีต่อสุขภาพ แถมยังไม่ถือว่าเบามากจนเกินไป เพราะกินหนักๆ มาตั้งหลายวัน จะให้ล้างท้องกินแต่ผักผลไม้อย่างเดียวก็กะไรอยู่ ว่าแล้วก็มาอร่อยกับ "อาหารคลีน" หรือ  "Clean Food" ที่ตั้งใจเลือกให้เป็นของขวัญหลังปีใหม่กับ2 เมนูง่ายๆ อย่าง "ข้าวยำผลไม้" และ "ปลาอบตะไคร้"

อ๊ะๆ.. ใครที่บอกว่าไม่ชอบอาหารคลีน อย่าเพิ่งส่ายหน้าหนีกันน๊าาา เพราะครั้งนี้จิงเลือกเมนูมาจากหนังสือเล่ม Clean Food ที่ทั้งเขียนเอง และเป็น บก. เล่ม แบบว่าภูมิใจนำเหนอฝุดๆ (ครืออ... อันที่จริงก็เขินแระค่าา 5555 >///<~) แต่รับรองได้ว่าอร่อยและกินง่ายแน่นอน เพราะเป็นอาหารคลีนแบบไทยและไทยฟิวชั่น เล่มแรกในเมืองไทย พร้อมคำแนะนำดีๆ จาก คุณหมอผิง (พญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล) ที่ปรึกษาเล่ม ซึ่งก็ชื่นชอบการทำอาหารคลีนอยู่แล้ว ดังนั้นใครที่อยากลองกินคลีนดูสักครั้งแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ก็ขอแนะนำให้เริ่มจากเมนูนี้ได้เลยนะคะ รับรองกินง่ายสบายแน่นอน ฮี่ๆ ><

หรือถ้าใครสงสัยว่าอาหารคลีนแบบไทยเป็นอย่างไร ก็บอกเลยว่าความจริงแล้วอาหารไทยสมัยก่อนแทบจะเป็นอาหารคลีนทั้งหมด เนื่องจากปรุงด้วยวิธีต้ม นึ่ง หรือบางเมนูก็ปรุงสดไม่ผ่านความร้อนอย่างพวกน้ำพริกต่างๆ แถมยังมีผักสดหรือผักต้มเสิร์ฟเคียงอีกต่างหาก ทำให้คุณค่าทางอาหารสูงมากกกกก ต่อมาจึงค่อยรับวัฒนธรรมการปรุงอาหารจากจีน เช่น ผัด ทอด ตุ๋น หรือแม้แต่เมนูฮิตอย่าง "แกงกะทิต่างๆ" ก็ไม่ใช่อาหารดั้งเดิมของไทยเพราะได้รับวัฒนธรรมมาจากอินเดียด้วยเหมือนกัน

ดังนั้นการทำอาหารคลีนแบบไทยจึงง่ายมาก แถมใช้เครื่องปรุงรสได้มากกว่าเกลือกับพริกไทยแบบอาหารฝรั่งอีกด้วย เพราะทั้งน้ำปลา ซีอิ๊วขาว หรือน้ำตาลมะพร้าว ต่างก็ผลิตด้วยวิธีการหมักหรือเคี่ยวแบบง่ายๆ ทำให้เป็นเครื่องปรุงที่ใช้ปรุงอาหารคลีนได้เพราะผ่านกรรมวิธีการผลิตไม่ซับซ้อน และที่สำคัญคือเพิ่มรสชาติด้วยมะนาวหรือพริกต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งนี่แหละคือหัวใจสำคัญที่ทำให้กินอาหารคลีนแบบไทยได้ทุกวัน เพราะรู้สึกคุ้นเคยกับรสชาตินั่นเอง ><

โอเคค่ะ ก่อนที่จิงจะพาเมาท์ไปไกลกว่านี้ (555555) เรามาเข้าเรื่องสูตรอาหารกันเลยดีกว่าาา อิอิ

V

V

ขอเริ่มจากเมนูง่ายๆ อย่างข้าวยำผลไม้ที่ตอนทำก็ตกใจ เพราะอร่อยจนหยุดกินไม่ได้ 5555 ที่จริงรสชาติคล้ายส้มตำบวกข้าวยำ แต่พอกินแล้วรู้สึกได้ถึงความสดชื่นจากผลไม้ และความหอมมันจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่สำคัญคือใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่มีค่า GI (Glycemic Index) ต่ำกว่าข้าวหลายชนิด ทำให้การดูดซึมเป็นคาร์โบไฮเดรตเข้าร่างกายน้อยลง (หรือเรียกง่ายๆ ว่ากินแล้วอ้วนน้อยกว่าข้าวปกตินั่นเอง อร๊ายยยย)

ส่วนเมนูต่อมาก็อร่อยสบายๆ แบบไทยฟิวชั่นกันบ้าง เมนูนี้ใช้ปลาย่างตะไคร้ห่อใบตอง เสิร์ฟคู่กับยำสับปะรดกับแต่งกวาที่ทำเหมือนซัลซ่าของเม็กซิโก เป็นอีกเมนูที่กินแล้วรู้สึกสดชื่นเหมือนได้ชาร์จแบ็ตหลังปาร์ตี้ปีใหม่เลยทีเดียว เพราะหอมทั้งตะไคร้และกลิ่นใบตองย่างฟุ้งเต็มปากไปหมด อิอิ

... ถึงตอนนี้เตรียมส่วนผสมพร้อมแล้วหรือยังคะ ถ้าพร้อมแล้วก็เข้าครัวลงมือทำกันได้เร้ยยยย \\(><)//

ข้าวยำผลไม้

ส่วนผสม

สับปะรด ชมพู่ แอ๊ปเปิ้ล ฝรั่ง หั่นชิ้นเต๋า 0.5 นิ้ว อย่างละ ¼   ถ้วย

ข้าวไรซ์เบอร์รี่         1              ถ้วย

ขมิ้นขาว                   2              ช้อนโต๊ะ

ตะไคร้ซอย             2              ช้อนโต๊ะ

ผักชีสับหยาบ            2              ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูซอย        2-3           เม็ด

น้ำปลา              2              ช้อนชา

น้ำมะนาว (ไม่ใส่ก็ได้)         1              ช้อนชา

เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบหั่นหยาบ        2              ช้อนโต๊ะ

ใบผักชี สำหรับโรยหน้าหรือตกแต่ง

วิธีทำ

1. คลุกเคล้าผลไม้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ใส่ข้าว ขมิ้นขาว ตะไคร้ ผักชีสับ และพริกขี้หนู ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว
2. ตักใส่จานเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และผักชีให้สวยงาม

 

ปลาอบตะไคร้

ส่วนผสม

ปลาตาเดียวหั่นชิ้นฟิเลต์      100     กรัม

ตะไคร้ซอยบาง      1        ช้อนโต๊ะ

ใบมะกรูดฉีก      2     ใบ

กระเทียมโขลก       2      กลีบ

ใบตอง สำหรับห่อปลา

ส่วนผสมยำสับปะรด

สับปะรดหั่นชิ้นเต๋า 1 เซนติเมตร     ½     ถ้วย

แตงกวาหั่นชิ้นเต๋า 1 เซนติเมตร     ¼     ถ้วย

หอมเล็กหั่นชิ้นเต๋า 1เซนติเมตร  ¼    ถ้วย

พริกขี้หนูสับหยาบ        2-3       เม็ด

ผักชีสับหยาบ      1      ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา      1-2      ช้อนชา

เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบหั่นหยาบ    1      ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. เคล้าตะไคร้ ใบมะกรูด และกระเทียม ให้ทั่วชิ้นปลา แล้วห่อด้วยใบตอง นำไปย่างไฟกลางค่อนข้างอ่อนประมาณ 12-15 นาที
2. ระหว่างนี้ทำยำสับปะรด โดยผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ยกเว้นเม็ดมะม่วงหิมพานต์พักไว้
3. เมื่อปลาสุกดีแล้วยกลงจากเตา จัดใส่จาน จากนั้นเคล้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์กับยำสับปะรดเข้าด้วยกัน ตักราดบนชิ้นปลา เสิร์ฟได้ทันที

ที่จริงเราสามารถนำอาหารที่กินในชีวิตประจำวันมาดัดแปลงเป็นอาหารคลีนได้แบบไม่ยากเลย
แต่สำคัญคือต้องปรุงรสไม่จัดมาก แม้ตอนแรกจะยังไม่คุ้นปาก แต่พอกินอาหารรสอ่อนบ่อยๆ ก็จะเริ่มชิน และสามารถกินอาหารคลีนได้อร่อยขึ้นเรื่อยๆ เองค่ะ ^^
ส่วนใครที่อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคลีนฟู้ดแบบไทยเพิ่มเติม ก็ลองหาอ่านได้ที่ร้านหนังสือเรยนะค้าา 

สำหรับวันนี้ไปก่อนละค่าา บ๊ายบายยยยย ><

ที่มา : หนังสือ Clean Food สำนักพิมพ์ Amarin Cuisine

....

>>> <<<

ใครมีเรื่องราวดีๆ อยากแนะนำหรือพูดคุยเพิ่มเติม ก็ทักทายกันมาได้ที่

Jingerbreadsanook@gmail.com

หรือพูดคุยกันทางเฟซบุ๊ก Jingerbread ได้เลยค่าาา ><