ปิ้งๆ เผาๆ กับ "ฟาดเรียบ" ซีฟู้ดบุฟเฟต์ กัลปพฤกษ์
สวัสดีค่าาา วันนี้จิงมาพร้อมร้านบุฟเฟต์ซีฟู้ดที่ทั้งอร่อยและดี ตรงสี่แยกกำนันแม้น ถนนกัลปพฤกษ์ ชื่อร้าน "ฟาดเรียบ" ค่าาาา ><
เหตุที่ไปกินร้านนี้เพราะน้องสาวเคยชวนไว้นานแล้ว อีกอย่างจิงชอบกินซีฟู้ดมาก ก็เลยลองไปกินดูแบบไม่คาดหวังอะไร เพราะเคยเจอร้านบุฟเฟต์ซีฟู้ดที่อาหารสดบ้างไม่สดบ้างจนชิน และที่นี่ก็ราคา 399 บาท อยู่ในระดับมาตรฐานทั่วไป ไม่น่ามีอะไรตื่นเต้น
แต่พอไปกินแล้วปรากฏว่าอะเมซิ่งมากค่ะ!! มีซีฟู้ดสดและคุณภาพดีหลายอย่างจนต้องกินไปชมไป ฮ่าๆๆๆ แถมกว่าจะคิดได้ว่าควรเอามารีวิวฝากเพื่อนๆ ก็กินหมดไปครึ่งโต๊ะแล้วค่ะ (เอานะคะ ยังดีที่ไหวตัวทัน 55555)
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูกันดีกว่าว่าร้านนี้มีอะไรให้ "ฟาดเรียบ" กันบ้าง ><
ตอนแรกว่าจะเริ่มเล่าจากเดินเข้าร้าน เดินไปตักอาหาร เดินมานั่งที่โต๊ะ ...ตามเสต็ปรีิวิวอาหารทั่วไป
แต่รู้สึกว่าไม่ได้ฟิล เลยขออนุญาตเล่าเรียงลำดับไปเรื่อยๆ ตามที่กินจริงแล้วกันนะคะ 55555
จุดเริ่มต้นคือจังหวะนี้แหละค่ะ ตอนที่ปูม้าตัวใหญ่กำลังเรียงเต็มตะแกรง...
และกุ้งก็แกะกินไปหลายตัวด้วยความฟิน อยู่ๆสติก็ผ่านเข้ามาวูบนึง แล้วรีบคว้ามือถือมาถ่ายอย่างไว 555555
ตอนนี้บนโต๊ะนอกจาจะมีซีฟู้ดแล้ว ยังมีกุ้งอบวุ้นเส้นและเย็นตาโฟหม้อไฟ ที่เป็น 2 เมนูพิเศษของทางร้าน เสียดายที่กุ้งอบวุ้นเส้นกินไปบ้างแล้ว จะถ่ายใหม่ก็ไม่สวย เลยกินต่อให้หมด (55555 ข้ออ้างล้วนๆ)
ส่วนเย็นตาโฟหม้อไฟก็ตามนั้นค่ะ กินแทบไม่เหลือในหม้อแล้ว แหะๆ สำหรับรสชาติถือว่ากำลังดีเลย น้ำซุปรสกลมกล่อม ลูกชิ้นปลาไม่คาว และยังมีลูกชิ้นปลาสายฝน ลูกชิ้นกุ้ง ปลาหมึกกรอบ แมงกระพรุน เลือดหมู และผักบุ้ง อีกด้วยค่ะ สรุปคือชอบมาก
....
หลังจากที่กินไปสักพักก็เหลือบไปเห็นโต๊ะข้างๆ กำลังสั่งกุ้งอบวุ้นเส้น พอน้องเค้าทำเสร็จเลยวิ่งไปขอถ่ายแชะนึง 55555
หน้าตาเป็นแบบนี้เลยค่ะ กุ้งตัวใหญ่มากกกก ส่วนรสชาติใช้ได้ทีเดียว ไม่เค็มไม่หวาน กำลังดี เสียดายแค่กลิ่นยังไม่หอมเท่าไหร่เพราะเหมือนที่ร้านจะไม่ได้ใส่ขิงแก่
ถัดมาที่ถืออยู่ในมือก็คือปูที่ปิ้งเมื่อกี๊ค่าาา ตอนนี้สุกแล้ว ฟินมากกกกกกกกกก
แนะนำวิธีทำปูเผาให้อร่อย : ปูที่สุกแล้วสีจะแดงและขึ้นเงา แต่ไม่ใช่แดงจนซีดและดูด้านๆ นะคะ เพราะแบบนั้นแสดงว่าสุกจนแห้งเกินไป พอเสร็จแล้วให้ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้สัก 15 นาที เนื้อปูจะระอุต่อข้างในจนสุกกำลังดี
พอแกะออกมาเนื้อก็ขาวนวล ชุ่มฉ่ำแบบที่เห็นนี่แหละค่าาาา ><
ต่อมา... "กุ้งแม่น้ำ" ที่เห็นแล้วบอกว่าโอ้ว แม่เจ้า มันใหญ่มากกกก !!
เนื้อกุ้งสด หวาน เด้ง มันกุ้งเยอะมากกกก ยกให้เป็นพระเอกของงานเลยค่ะ สุโค่ยเจ็งๆๆๆ ><
(น้องสาวกินไปเกือบ 2.5 กิโลได้ แอบสงสารเจ้าของร้าน 555555)
วิธีย่างกุ้งให้อร่อย : คือดูที่เปลือก กุ้งที่ยังไม่สุกสีจะซีด กุ้งที่สุกกำลังดีคือสีส้มอมแดงและ "เปลือกมันวาว" ส่วนกุ้งที่สุกเกินไปถ้าไม่ไหม้จนดำซะก่อน ก็ดูได้จากเปลือกกุ้งที่เหี่ยวลง เพราะน้ำในตัวกุ้งออกไปเยอะ
ที่สำคัญเวลาย่างต้องให้สุกแค่ 80-90% นะคะ จากนั้นเอามาวางสัก 5-10 นาที ให้เนื้อกุ้งสุกต่ออีกนิด (ถือว่าพักให้หายร้อนด้วยค่ะ) เท่านี้ก็อร่อยแจ่มแจ๋วแล้วค่าา ^^
แต่ถ้าใครชอบสุกน้อยหรือสุกมากกว่านี้ ก็ปรับเวลาย่างได้ตามชอบนะคะ อิอิ
สุกแล้วค่าาาา ><
มันกุ้ง... ฟินมากกกกกกก
เมนูที่ฮิตอีกอย่างของพวกเราคือเบคอนพันเห็ดเข็มทอง เพราะกินไปหลายไม้ทีเดียว 55555
ชอบตรงเบคอนไม่เค็ม พอจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเลยอร่อยมากกกกก
ที่นี่มีเนื้อหมูชิ้นใหญ่ให้ย่างด้วยค่ะ แต่เท่าที่ดูน่าจะเป็นเสต็กหมูมากกว่าหมูหมักทั่วไปเพราะรสชาติอ่อนไม่จัดมาก
ใครที่ชอบกินหมูหมักรสเข้มข้นอาจไม่ถูกปากเท่าไหร่ แต่ส่วนตัวจิงชอบกินแบบนี้ เพราะจะได้รู้ว่าของเค้าสดจริงไม๊ 55555 และก็ใช้ได้เลยค่ะ เนื้อหมูไม่มีกลิ่นคาว มีไขมันแทรกกำลังดี พอปิ้งแล้วหอมเกรียมนิดๆ แหล่มๆๆ
เสร็จแล้วก็ตัดเนื้อด้วยกรรไกรที่เตรียมไว้ประจำโต๊ะ จะได้เป็นชิ้นแบบนี้ค่ะ น่ากินทีเดียว
....
หลังจากใส่อาหารได้สักครึ่งกระเพาะ งานเดินย่อยก็ต้องมาค่ะ
ถึงเวลาเก็บภาพบาร์อาหารมาฝากกันแล้ว อิอิ
อาหารซีฟู้ดทั้งหมดจะถูกวางไว้บนน้ำแข็งในเรือน้ำเงินลำนี้ พอมองแล้วรู้สึกเหมือนยกอ่าวไทยมาไว้กลางร้านจริงๆ น่ากินมากกกกก 5555555
...
ว่าแล้วก็ขอแนะนำจากหัวเรือไปท้ายเรือนะคะเริ่มจากกั้งกระดาน มันใหญ่มากกกก (อีกแล้ว) เสียดายที่กินไม่เป็นเลยไม่ได้รีวิว ไว้คราวหน้าว่าจะลองดูค่ะ อิอิ
ส่วนนี่ก็คือปูม้าเนื้อหวานเมื่อกี๊ ><
ส่วนนี่คือณเดช เอ๊ย! ไม่ใช่... พระเอกของวันนี้ 55555กุ้งแม่น้ำตัวโต ส่วนสรรพคุณบรรยายไปหมดแล้วมะกี๊ แต่ที่จริงในกะบะก็มีทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กนะคะ เพียงแค่ตัวเล็กของที่นี่ก็คือตัวใหญ่ของที่อื่น (สรุปฟินต่อค่ะ ฮาาาาา)
ส่วนนี่คือปลาหมึกกระดอง (ความจริงได้ปิ้งกินด้วยค่ะ แต่เผลอกินหมดก่อนถ่ายรูป แหะๆ)ขนาดตัวเท่าฝ่ามือ ใหญ่มากกกก เป็นอีกเมนูที่ประทับใจของวันนี้เลย เพราะเนื้อแน่น เคี้ยวแล้วเด้งสู้ฟันมั่กๆชอบตรงที่ไม่คาว ไม่เหนียว และที่สำคัญคือไม่เค็ม ถือว่าสดใช้ได้เลยค่ะ
แนะนำวิธีปิ้งปลาหมึก : ให้วางลงไปทั้งตัว รอสุกประมาณ 30 % ค่อยใช้กรรไกรตัดเป็นริ้วๆ ทั่วตัว จากนั้นค่อยปิ้งต่อจนสุก วิธีนี้ความร้อนจะเข้าไปถึงข้างใน ทำให้ใช้เวลาปิ้งน้อยลง เนื้อปลาหมึกเลยชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง แถมยังกรอบเด้งอีกด้วยค่ะ อิอิ
นอกจากเนื้อปลาหมึกแล้ว ก็มีไข่ปลาหมึกด้วยนะคะ เห็นตักกันหลายคนเลย แต่ไม่ได้กินเพราะอิ่มเกิน ไม่ไหวเลี้ยววว 5555
สุดท้ายคือสารพัดหอย มีทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยเชลล์ หอยหวาน หอยชักตีน ที่ได้ลองกินคือหอยเชลล์ ถือว่าไซส์ไม่ใหญ่มาก ความสดปานกลาง แต่ก็ไม่คาวนะคะ
ที่จริงมีปลากระพงขาวตัวขนาด 1 กิโลกว่าๆ ด้วย เห็นตอนแรก 3-4 ตัว เผลอแป๊บเดียวหายหมดแล้ว 55555 เวลากินเค้าจะห่อฟอยล์แล้วปิ้ง น่ากินมากกกกก แต่วันนี้ไปแค่สองคนเลยต้องรอคราวหน้า อิอิ
...
ต่อมาคือมุมของปิ้งย่างที่ไม่ใช่ซีฟู้ด มีสเต็กหมู (ที่ย่างกินไปเมื่อกี๊) เบคอน บาร์บิคิวหมู บาร์บีคิวซีฟู้ด เห็ดออรินจิ และข้าวโพดหวาน
เท่าที่ดูเนื้อหมักต่างๆของร้านนี้จะรสไม่จัดมาก บาร์บีคิวหมูก็คล้ายกับเสต็กหมูที่กินไปตอนแรกคือรสชาติอ่อน แต่พอเอามาจิ้มกับซอสมะเขือเทศถือว่าอร่อยใช้ได้เลยค่ะ ^^
ในโต๊ะเดียวกันถัดมาจะเป็นส่วนของน้ำจิ้มและซอสต่างๆ มีทั้งซีฟู้ด ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก กระเทียม พริกขี้หนู น้ำมะนาว ฯลฯ
ส่วนที่เห็นสีดำใสในอ่างแก้วใบใหญ่ นั่นคือซีอิ๊วขาวนะคะ คงเพราะเนื้อที่นีจืด เลยมีเครื่องปรุงรสเค็มไว้ให้ด้วย เพราะข้างๆ ก็มีขวดโชยุตั้งไว้ให้เหมือนกัน วาซาบิก็มีด้วย ถือว่าครบถ้วนมากๆ
ในอ่างใหญ่สุดด้านล่าง คือหอยนางรมสด ข้างๆจะมีหอมเจียว ละน้ำพริกเผาวางไว้ให้กินคู่กัน
ถัดมาเป็นอาหารทั่วไปพวกข้าวผัด ไก่ทอด ไส้กรอกทอด และมีปูอัดไว้ให้กินสดหรือจะย่างบนเตาก็ได้ค่ะ (ตรงโซนนี้ไม่ได้ลองกิน เพราะวันนี้เรามาเพื่อกินซีฟู้ด!! อิอิ)
สำหรับของหวานที่นี่มีไอศกรีมวอลล์ และเค้กช็อกโกแลต
ไอศกรีมละลายไปหน่อย (เดาว่าคงมีใครเปิดตู้ทิ้งไว้ 5555) ส่วนที่่แอบอายคือตอนแรกจิงตักไอศกรีมด้วยช้อนธรรมดาเพราะหาที่ตักไม่เจอ มาเห็นอีกทีก็ตอนตักเสร็จแล้ว สรุปที่ตักอยู่ในถังเล็กๆ ตรงเสาด้านบน (เห็นกันไม๊คะ 55555) ส่วนเค้กไม่ได้ชิม เพราะอิ่มมากกกกก ><
เครื่องดื่มจะมีแยกชัดเจนสองฝั่ง คือ ด้านซ้ายสำหรับคอเบียร์ และด้านขวาสำหรับคอโซดา (น้ำอัดลม)
นอกนั้นก็จะมีน้ำเปล่า ชามะนาว (เนสที) และชาเขียวโออิชิ (แบบขวดแก้ว) ^^
ใครที่กินเสร็จจะมีก๊อกน้ำให้ล้างมือตรงมุมซ้ายด้านหลังร้าน แต่ให้ดีควรล้างก่อนกินนะคะ เพราะงานนี้มือไม้ต้องมาค่ะ แกะเปลือกกุ้งกันให้ฟินไปเลย 555555
(ทีแรกแอบงงว่าทำไมน้องพนักงานเดินขึ้นลงแถวนี้บ่อยๆ ที่แท้ด้านล่างก็คือที่เตรียมถ่านนี่เอง 5555)
ห้องน้ำและที่จอดรถอยู่ด้านหน้าร้าน น่าจะจอดรถได้ 10 คัน สบายๆ
สำหรับค่าเสียหายก็ตามนี้เลยค่าาา หัวละ 399 บาท ไป 2 คน ก็ 798 บาท พอดีเด๊ะ!!
ไม่มีเซอร์วิสชาร์จ ไม่มีค่าน้ำแข็ง ไม่มีแสตนด์อิน (เอ๊ย ไม่ใช่แระ 55555)
กับเวลาที่ไม่มีลิมิต บอกคำเดียวว่าคุ้มม๊ากกกกกก ค่าาาา ><
เห็นว่าช่วงนี้ที่ร้านมีติดจอไว้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกด้วยนะคะ
สาวๆคนไหนอยากชวนแฟนไปเชียร์บอลที่นี่ก็เชิญเลยค่าาา
(หลอกแฟนไปดูบอล ส่วนเราก็นั่งกินเพลินๆ อิอิ)
ใครสนใจอยากมาลองชิมก็ตามแผนที่ด้านล่างนี้เลยค่าา
รายละเอียดร้าน
เปิด 17.00- 23.00 น.
จะมีเมนูให้เลือก 2 เซ็ต คือ
เซ็ต A สำหรับคอเบียร์ ดื่มไม่อั้น จำกัดเวลาที่ 1.30 ชั่วโมง
เซ็ต B สำหรับคอโซดา ทานได้ไม่จำกัดเวลา
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ 084-113-0760 หรือที่เฟซบุ๊กของร้าน https://goo.gl/Sm3aTk
วันนี้ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะค้าาาา ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าค่าา บ๊าย บายยยยยย ^^
ใครมีเรื่องราวดีๆ อยากแนะนำหรือพูดคุยก็ทักทายกันมาได้ที่ Jingerbreadsanook@gmail.com
หรือพูดคุยกันทางเฟซบุ๊ก Jingerbread ได้เลยนะค้าาา ><