รีวิว Sushi Oku @K-village วันนี้ชุ้งชิ้งพามาชิมอาหารญี่ปุ่น ฝีมือเชฟสันติ หรือ เชฟเอ จาก Shori Sush
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทาง K-Village มากๆนะคะที่ส่ง Gift Voucher มาให้ชุ้งชิ้ง หลังจากเลือกแล้ว 18 ตลบก็เลือกมาขอรีวิวร้าน Sushi Oku แห่งนี้ค่ะ ^ ^ มาถึงหน้าร้านแร้น ขอแชะภาพเป็นที่ระลึกซักหน่อยนะคะ อิอิ
เข้ามาดูบรรยากาศในร้าน Sushi Oku หรือ ซูชิร้อยล้านได้เลยค่ะ มามะๆ
พอมองด้านบนจะเห็นโคมเชือกโชคดีใหญ่ๆแบบนี้ค่ะ แปลกดีเน๊าะ ไม่เคยเห็นที่ร้านอื่นมาก่อนเลอ อีกหนึ่ง signature เลยค่า ร้านนี้เป็นร้านขนาดกลาง ตกแต่งด้วยไม้โทนสีอ่อน ทำให้ดูอบอุ่น คงกลิ่นไอของญี่ปุ่น แต่ผสมความทันสมัยเข้าไป น่านั่งดีค่ะ
ร้าน Sushi Oku แห่งนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เน้นซูชิ ข้าวปั้น หรือปลาดิบเป็นหลักค่ะ รังสรรค์โดยเชฟสันติ (เอ) จาก Shori Sushi House เมนูไฮไลท์ประจำของร้านนี้ก็จะมีหอยแครงญี่ปุ่นยักษ์, หอยเชลล์ญี่ปุ่นสด, ปลาทูญี่ปุ่นยักษ์, หอยสังข์, ไข่หอยเม่นสด เป็นต้น คงรสชาติแบบออริจินัล แค่ฟังก็กรีสสสสสสสสสแร้น ^ ^
สำหรับเมนูแนะนำของที่นี่เริ่มจาก Salmon Roll เป็นโรลที่ยัดไส้ด้วยไข่หวานและปูอัดแล้วทาบด้วยแซลมอนลนไฟ เมื่อจิ้มกับโชยุ รสสัมผัสที่ได้จะมีความหวาน มัน และเค็ม อยู่ในคำเดียวกัน หรือจะเป็น Salmon & Tuna Spicy Roll เป็นโรลแซลมอนกับทูน่าที่ลนไฟมานิดๆ ราดด้วยซอสเผ็ดหน่อยๆ ยัดไส้ด้วยแตงกวา ปูอัด และไข่หวาน นอกจากนี้ก็ยังมีข้าวปั้นหน้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Salmon Nigir, Anago, Ebiko, Engawa เป็นต้น (ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50 บาท/คำไปจนถึงหลายร้อยค่ะ)
เอาหล่ะ ตามประสาเด็กแนว รู้ทั้งรู้ว่าเมนูแนะนำคืออะไรบ้าง แต่เราต้องเลือกเมนูที่อยากกินจิงมั้ยคะ 555 เริ่มจาก…
ก่อนอาหารที่สั่งไปจะมา พนักงานจะเสิร์ฟถั่วแระและน้ำซุปมาให้ก่อนเลยจ้า
ดื่มชาเขียวเย็นๆล้างท้องรอเลยจ้า ชิวๆท่ามกลางอากาศแสนจะร้อน
จานแรกคือ Kaizen salad ค่ะ บอกเลยเมนูนี้รักมากกกกกกก ประทับใจน้ำสลัดค่ะ คือปรกติร้านอื่นๆเค้าจะใสๆ ไม่หวานนำก็เปรี้ยวนำ แต่ของร้านนี้ เชฟใช้หัวไช้เท้าขูดผสมน้ำมันงาและปรุงรสชาติมาเป๊ะสุดๆ คือหวานและเปรี้ยวจับมือกันมา ไม่มีใครแซงใคร กินแล้วสดชื่นเจงๆ แถมได้ texture ของหัวไช้เท้าขูดอีกด้วย มันช่างฟินฝุดๆ จานนี้เชฟสุดยอดค่ะ
นอกจากผักสลัดต่างๆแล้วก็มีปลากะพงขาว ปลาฮามิจิ ปลาหมึกยักษ์ ทูน่าเนื้อแดง แซลม่อน และไข่ปลาแซลม่อนมาในจานด้วยค่ะ ถือเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ดี ขนาดเขียนรีวิวตอนนี้ ท้องยังร้องเลย >.<
มาจานต่อไปเลยนะคะ…
เมนูนี้คือ Nigi-Toro Don หรือข้าวหน้าปลาโทโร่สับนั่นเอง จานนี้ก็ไม่ธรรมดาค่ะ ความพิเศษของเมนูนี้คือเชฟเค้าจะแอบใส่หอยเชลล์สดสับละเอียดลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความหวานธรรมชาติเข้าไป ในจานเค้าจะเสิร์ฟมาพร้อมขิงขูด วาซาบิ หัวไช้เท้าซอยบาง และไข่ปลาแซลม่อน วิธีรับประทานส่วนตัวคือเทโชยุเข้าไปในชามแล้วคนให้เค้ากันค่ะ จากนั้นก็หม่ำๆ อืมมมมม! สวดยอด ความสดนี่นะพี่นะ! ฟินจุงเบย ^ ^
จานถัดมาอย่ากรีสเยอะนะคะ 555
จานนี้คือ Matsusaka Sushi Set ค่ะ เชฟใช้เป็นเนื้อมัตสึซากะ A5 ส่วนน้ำซอสด้านในจะผสมความเป็นไทยเข้าไปค่ะ เพราะเชฟใส่น้ำพริกเผาลงไปนิดนึง รสชาติของซอสมีความซับซ้อนหลากหลายรสชาติจิงๆ อธิบายไม่ถูก แต่เชฟจะใสน้ำซอสมาไม่เยอะนะคะ เดาว่าไม่อยากให้กลบกลิ่นของเนื้อ Matsusaka นั่นเอง ปล.เนื้อเค้านุ่มฝุดๆ บอกตรงๆอาม่าเคี้ยวได้สบายแฮ ^ ^
นี่ก็จานที่3เข้าไปแล้ว แต่เผลอแป๊บเดียวเกือบหมดจานอีกแล้วครัช Oops! >.<
มาต่อด้วยจานสุดท้ายของวันกันค่ะ ^___<
จานสุดท้ายคือเซ็ตซูชิรวมค่ะ อย่าถามน้าว่าทำไมกินได้เยอะจัง 555 จานนี้รสชาติอร่อยได้มาตรฐานค่ะ เนื้อทุกอย่างคือสด แอบสัมภาษณ์เจ้าของร้านเล็กน้อยได้ความว่า เพราะทางร้านเน้นเรื่องความสดมากๆ ของหมดคือปล่อยหมด จะไม่ยอมสั่งสั่วๆมาขายแทนเด็ดขาด!
มาชมซากอารยธรรมกันนะคะ 555
พอกินเสร็จทางร้านจะเสิร์ฟเมนูของหวานค่ะ เมนูขนมหวานนี้เรียกว่า Tamago Yaki สำหรับเมนูนี้ใครที่เคยดูหนังเรื่อง Jiro Dream of Sushi คงจะพอนึกออก คือเมนูที่ Jiro ฝึกให้ลูกมือทำชนิดที่ว่านับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะได้อย่างที่ต้องการ ซึ่ง Tamago Yaki แบบนี้ในประเทศไทยไม่ได้หาทานกันง่ายๆนะจ๊ะ แต่เชฟเอก็ได้บรรจงทำจนสำเร็จ แหม! ทำยากนักชิมิ ทางร้านก็เลยเสิร์ฟให้ทานแบบฟรีๆเลยจ้า ส่วนรสชาติดูจากท่าแล้วกันนะคะ ไม่ต้องบรรยายแร้น อิอิ
ก่อนจะกลับบ้าน ถือว่าโชคดีมากๆที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เชฟสันติ หรือเชฟเอ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มา 17 ปีเลยทีเดียว เชฟบอกว่าความสำคัญของซูชิมี 3 อย่าง 1 คือข้าว โดยสไตล์เชฟจะเป็นข้าวแบบคันไซ คือรสชาติข้าวที่ปรุงจะออกหวานนำเปรี้ยว และเค็มสุดท้าย 2 คือเนตะหรือเนื้อทุกอย่างที่ใช้ต้องสด และ 3 คือวาซาบิ ต้องใส่มาในปริมาณที่พอเหมาะถึงจะได้อรรถรสที่เพอร์เฟค
สิ่งที่สัมผัสได้จากเชฟเอก็คือ ความรักในการทำอาหาร และความใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง แรกๆมานั่งนี่ไม่คุยเลยนะคะ แต่พอพูดถึงเรื่องทำอาหารเท่านั้นแหล่ะ เมาต์ไม่หยุดเลยนะฮะ 555 พี่เชฟฉลาดในการผสมรสชาติที่หลากหลายของวัตถุดิบแต่ละชนิด โดยจับคู่วัตถุดิบต่างๆมารังสรรค์เมนูใหม่ๆที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน! คือมีความกล้าที่จะออกนอกกรอบรสชาติเดิมๆ หนูสัญญาว่าจะกลับมาลองกินเมนู สันติโรลนะคะ อยากรู้ว่าพอพี่เชฟจับฟัวกรามาเจอกับมะม่วงเพื่อตัดเลี่ยนจะลงตัวขนาดไหน? อิอิ ^ ^ ตลกอยู่อย่างที่เรา2คนมีบางสิ่งเหมือนกันเลย ตรงที่เราชอบที่จะหาวิธีใหม่ๆมาผลิตเมนูเดิมๆให้อร่อยมากขึ้น
ก่อนจะลากันไปในวันนี้ ชุ้งชิ้งขอฝากรูปเมนูและบรรยากาศร้านนะคะ เผื่อใครสนใจจะได้แอบเลือกเมนูมาจากบ้านเลย อิอิ