ภัยใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด! แค่แมลงกัดที่ข้อเท้าก็อาจคร่าชีวิตได้ หากไม่ระวังและทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

ภัยใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด! แค่แมลงกัดที่ข้อเท้าก็อาจคร่าชีวิตได้ หากไม่ระวังและทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

ภัยใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด! แค่แมลงกัดที่ข้อเท้าก็อาจคร่าชีวิตได้ หากไม่ระวังและทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

4

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับชิ้งเองค่ะ ชิ้งได้เดินทางไปซูโจวประเทศจีนเมื่อวันที่ 10 ก.ย.57 ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดตอนกลางคืนของวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.57 คืนนั้นชิ้งนั่งรับประทานอาหารอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนมีแมลงตัวเล็กๆกัดที่ข้อเท้าด้านซ้าย รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเลยค่ะ พยายามหันไปมองหาตัวเจ้าวายร้าย แต่ก็ไม่เห็น เพราะบินหนีเร็วมาก ชิ้งก็รู้สึกว่าคงเป็นแมลงทั่วไป เพราะนอกจากอาการเจ็บจี๊ดแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร เลยผ่านเลยไป

 

เช้าวันต่อมาซึ่งเป็นวันเสาร์พอดี วันนั้นเป็นวันเที่ยวค่ะ ชิ้งก็รีบตื่นแต่เช้ามาเตรียมตัว เช้านั้นเริ่มรู้สึกคันๆค่ะ แต่ยังไม่เอ่ะใจ นึกว่ายุงกัด หรือแพ้กาวอะไรซักอย่างตามปรกติ เนื่องจากชิ้งเป็นคนที่แพ้กาวชนิดหนึ่งมากๆ ซึ่งมักจะมาจากพลาสเตอร์ยาหรือรองเท้าคู่ใหม่ เลยไม่เอะใจอะไร แต่ยอมรับว่ามักง่าย คือใช้เท้าอีกด้านมาช่วยเกาอย่างแรงเลยแหล่ะ

 

จากนั้นก็ออกไปเที่ยวตามปรกติ จนช่วงสายๆ มีน้องผู้หญิงที่เดินทางมาด้วยกันทักว่าข้อเท้าพี่ชิ้งเป็นอะไร คุณแม่ก็ตอบแทนว่ายุงกัด ชิ้งเองก็เลยไม่สนใจ ก็ตามทัวร์ต่อไป จนช่วง 11 โมงกว่าๆเห็นจะได้ ขณะที่นั่งรถทัวร์อยู่ก็มองไปที่ข้อเท้าตัวเอง ก็เห็นเป็นไตเล็กๆ ขนาดประมาณเหรียญบาท พอคันก็เกาต่ออีกแหน่ะ หลังจากนั้นไม่นาน ก็รู้สึกคันมากขึ้น และขนาดไตนั้นก็ใหญ่ขึ้นด้วย คราวนี้ใหญ่ครอบคลุมข้อเท้าด้านหลังประมาณ 5x3 ซ.ม.เลยค่ะ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้นึกถึงเจ้าแมลงที่กัดมาเมื่อคืนเลยนะ ชิ้งเลยขอยาชื่อ Topicorte จากคุณแม่มาทา เพราะคุณแม่จะพกยานี้ตลอดเวลาค่ะ พอแพ้อะไร เป็นผื่น คัน คุณแม่ก็จะทายาตัวนี้มาตลอด จากนั้นก็เที่ยวต่อแบบไม่ได้เอะใจอะไรเล้ย

2

จากนั้นก็เที่ยวตามโปรแกรมตามปรกติแบบชิวๆ โปรแกรมทัวร์จบลงประมาณบ่าย 4 โมงค่ะ จากนั้นก็เดินเที่ยวกันเอง ช่วงนั้นเริ่มรู้สึกเป็นห่วงแผลตัวเองแล้วค่ะ ชักเอะใจถึงแมลงที่กัดมาเมื่อคืนตงิดๆ ระหว่างทางที่เดินชิ้งก็คอยมองหาร้านขายยามาตลอด หลังจากเดินอยู่อย่างนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เจอร้านขายยาร้านหนึ่งค่ะ เลยรีบเข้าไปซื้อยา โชคดีที่คุณแม่พูดภาษาจีนกลางได้ ชิ้งก็ใช้ภาษาร่างกายนี่แหล่ะ ยื่นแผลให้เค้าดู ก็ได้ยามา 3 กล่องดังภาพ

3

ชิ้งขอน้ำเพื่อทานยาที่ร้านขายยาเลยค่ะ รวมถึงทายาอีก2ตัวที่เค้าให้มาด้วย แล้วก็เดินเที่ยวต่อ แต่ข้อเท้าเริ่มบวมขึ้นเร็วมาก แต่ไม่มีอาการปวด หรือเจ็บอะไรเลยนะคะ จนประมาณ 1 ทุ่ม สภาพข้อเท้าข้างซ้ายก็บวมอย่างที่เห็นในรูปเลยค่ะ (รูปอาจไม่ชัดเพราะใช้ IPadถ่าย แถมเป็นเวลากลางคืนด้วยค่ะ)

1

พอกลับถึงโรงแรม ชิ้งก็รีบอาบน้ำ เพื่อจะได้ทายาซ้ำ เนื่องจากเห็นว่ายังไม่ดีขึ้นเลย จากนั้นก็ต้องเก็บกระเป๋าแล้วค่ะ เพราะต้องบินกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้น  โดยจะมีรถมารับไปสนามบินเซี่ยงไฮ้ตอนตีสี่50นาที เพื่อไปขึ้นเครื่องบินเที่ยว 8.55น.ให้ทัน

 

พอตื่นขึ้นมา คราวนี้เจ็บที่ข้อเท้าแล้วค่ะ พอทิ้งน้ำหนักลงขาข้างซ้าย ถึงกับต้องเดินกะเผลก แต่หลังจากเดินๆไปซักพักก็เดินได้ ตอนนั้นไม่มีเวลาคิดอะไรมาก คิดอย่างเดียวต้องไปขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทยให้ทัน เพราะจากซูโจวไปสนามบินเซี่ยงไฮ้ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ทุกคนก็รีบกันมากๆเลย แต่พอถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้เท่านั้นแหล่ะ เดินตรงไม่ได้แล้วค่ะ ได้แต่เดินกะเผลกๆ จนน้องผู้หญิงคนเดิมเข้ามาทักว่าดูเหมือนอาหารข้อเท้าพี่ชิ้งจะแย่ลงนะ ชิ้งใจเสีย ชักไม่แน่ใจว่ายาทำให้แย่ลงหรือเปล่า และยาทั้ง 3 กล่องนั้นคืออะไรบ้าง?

 

ตลอด 4 ชั่วโมงบนเครื่องบิน ชิ้งเริ่มวิตกกังวลมากมายแล้วค่ะ เพราะระหว่างที่เดินกะเผลกๆไปเข้าห้องน้ำ มีคนจีนบนเครื่องชี้ให้ดูข้อเท้าชิ้งกันใหญ่จนเหมือนเราเป็นโรคร้าย น่ารังเกียจ ประมาณนั้น แอบกลัวว่าจะเข้าประเทศได้มั้ย ว่าไปนั่นเลยนะคะ >.<

 

ทันทีที่ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พอรับกระเป๋าเสร็จ ไม่ขอรอใครแล้วค่ะ รีบตรงดิ่งไปรพ.เลย ด้วยขนาดข้อเท้าที่บวมแทบระเบิดดังภาพ คือบวมจนมิดนิ้วเท้า บวมจนมองไม่เห็นตาตุ่ม และเป็นผื่นแดง ถ้าเอามือไปจับ แผลร้อนมากๆเลยค่ะ หลังจากคุณหมอดูอาการ คุณหมอบอกว่าชิ้งเป็นโรค เซลลูไลติส (Cellulitis) หรือ โรคเนื้อเยื่อเซลล์อักเสบเฉียบพลัน คุณหมอให้ทางเลือก 2 ทาง 1 คือนอน admit เลย 2 ลองฉีดยาไปก่อน และต้องฉีดติดกัน 3วัน ระหว่างนี้ถ้ามีไข้ หรือแผลลาม (ซึ่งสามารถลามเร็วมาก และลามไปทั้งตัวได้) ให้รีบมา admit ทันที เพราะกลัวว่าจะเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอันตรายมากๆ เหมือนกรณีของคุณอาสมบัติ เมทะนี ที่ต้องอยู่ ICU หลายวัน

4

ชิ้งขอเลือกฉีดยาที่สะโพก 1 เข็มพร้อมรับยาทานแล้วกลับบ้านค่ะ เพราะไม่ได้นอนบ้านมา 4 คืนแล้ว วันนั้นพยายามให้คุณหมอปลอบใจ และถามคุณหมอว่าจะหายทันวันเสาร์มั้ย เพราะมีนัดสำคัญ คุณหมอบอกไม่สนค่ะ เพราะโรคนี้อันตรายมาก นัดอะไรคงไม่สำคัญกว่าการรักษาตัวให้ปลอดภัยแล้ว ยอมรับว่าร้องไห้เลยค่ะ ฟังคุณหมอแล้วกลัวมาก จากนั้นก็ฉีดยาแล้วกลับบ้านไปพัก

6

5

เนื่องจากชิ้งลงภาพที่ข้อเท้าบวมในเฟสส่วนตัว คืนนั้น (14 ก.ย.57) มีเพื่อนที่เป็นหมอหลายคนโทรหา บอกให้ไปนอน admit เถอะ จะปลอดภัยกว่า เช้าวันรุ่งขึ้นชิ้งเลยรีบไป admit ที่รพ.ลาดพร้าวเลย คุณหมอให้ x-ray ปอด นำปัสสาวะ และเลือดไปตรวจ

8

7

โดยในวันแรกของการ admit คุณหมอให้ยา Antiseptic ฉีดเข้าทางเส้นเลือดทุกๆ 12ชั่วโมง ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อเข้มข้น และได้ทานยาลดบวม แก้แพ้ แก้คัน ครบถ้วนค่ะ คุณหมอให้พยายามยกขาซ้ายให้สูงอยู่ตลอดเวลา งดเดินมาก ไม่ให้อาบน้ำร้อน แนะนำให้ใช้สบู่ก้อนฟอกแผลที่ข้อเท้าด้านซ้ายให้สะอาดและทายาฟิวซิดินทั้งเช้า-เย็น งดทานอาหารทะเล กะปิ ปลาร้า ของหมักดอง รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และอาหารเสริมต่างๆ ฯลฯ ซึ่งชิ้งก็เชื่อฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเลยค่ะ เพราะอยากหายมากกกกกก T___T

13

16

9

เช้าวันที่ 2 ของการ admit (16ก.ย.57) ก็ยังได้รับ treatment เหมือนเมื่อวาน แต่ได้ทราบผลเลือด ผลตับ ผลไต และผลปอด ทุกอย่างออกมาดีหมด คุณหมอก็แฮ้ปปี้ อาหารบวมที่ข้อเท้าค่อยๆยุบลงอย่างช้าๆ มีช่วงที่ไม่สามารถทิ้งน้ำหนักลงเท้าซ้ายเป็นระยะๆ คุณหมอบอกว่าถ้าดีขึ้นเป็นลำดับแบบนี้จะให้ออกจากรพ.ได้ไม่วันพุธที่ 17 หรือพฤหัสที่ 18 ยิ้มแฉ่งเลยคร่า ^ ^’

10

เช้าวันพุธที่ 17 ก.ย.57 ข้อเท้ายุบลงจนเห็นตาตุ่มแล้วค่ะ เดินสะดวกด้วย ไม่เจ็บ พอคุณหมอเข้ามาดูอาการก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ก็ให้ยามา 1กำมือ พร้อมนัดดูแผลอีกครั้งในวันพุธที่ 24ก.ย.57

12

11

 

เหตุการณ์นี้สอนชิ้งให้รู้ว่า เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวนี้มีโรคแปลกๆเยอะ ชิ้งนึกไม่ออกเลยว่าถ้าชิ้งเป็นตั้งแต่คืนแรกที่ถึงซูโจว แล้วไม่ได้ไปหาหมอเลย ป่านนี้ชิ้งอาจได้นอนเป็นผักอยู่ที่เมืองจีนแล้วก็ได้ เพราะคงติดเชื้อในกระแสเลือดไปแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ชิ้งมาหาคุณหมอเร็ว ช่วงนอนรพ. ชิ้งอ่านเคสคนอื่นๆที่เป็นโรคเดียวกัน บางคนต้องรักษาหลายเดือน แถมต้องตัดเนื้อส่วนที่ตายออกไปด้วยค่ะ และถ้าเชื้อเข้ากระแสเลือดก็ต้องนอนโคม่าในห้อง ICU หลายวันเลย

 

เพื่อนๆต้องระวังกันนะคะ ย้ำนะคะ โรคนี้ไม่จำเป็นต้องถูกแมลงกัด หรือเป็นแผล อยู่ดีๆก็เป็นได้ค่ะ คนที่เป็นเบาหวานยิ่งต้องระวัง เพราะถ้าเป็นแล้วจะยิ่งหนักเลยและเสี่ยงกับการต้องถูกตัดขา ในกรณีที่ติดเชื้อมากๆ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆมีอาการบวม เป็นผื่นแดง เวลาจับแล้วแผลร้อน ให้รีบไปหาคุณหมอเลยนะคะ สุดท้ายนี้ชิ้งขอให้เพื่อนๆทุกท่านสุขภาพแข็งแรง พระเจ้าอวยพรค่ะ ^ ^

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook