มาล้างแหวนกันเถอะ!!

ล้างแหวนไม่ใช่เรื่องยาก แต่แปลกมากที่คนส่วนใหญ่เคยหยิบมาล้าง!!

แปลกแต่จริงที่หลายคนคิดว่า แหวนเพชรมีไว้ใส่เฉยๆ ไม่ต้องล้างก็ได้ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมแหวนเพชรที่ใส่จึงได้แอบสะสมความซกมกไว้ทีละนิดจนสุดท้ายก็กลายเป็นแหวนเพชรตายด้านที่ส่องประกายอะไรไม่ออก

แน่ล่ะ.. ก็ขี้ไคลมันเข้าไปเกาะหนา สปอตไลท์ส่องก็ยังทะลุไม่ผ่านเลย

ว่าแล้ววันนี้คุณหมอก็เลยเอาเคล็ดลับพันปีในการล้างแหวนให้สวยแจ่มมาฝากกัน อุปกรณ์ลับที่เราจะใช้กันเป็นพระเอกของงานก็ได้แก่...

1. แปรงสีฟัน: จะเป็นแบบใช้แล้ว แปรงผู้ใหญ่ ทะลวงถึงซี่ในสุด อันนี้ได้ทุกแบบ แต่ส่วนตัวคุณหมอชอบแปรงสีฟันเด็ก เพราะหัวแปรงเล็ก ซอกซอนได้มากกว่า

2. ขัน 2 ใบ: หรือภาชนะอื่น เช่น แก้ว ชาม อะไรก็ได้ที่ใส่น้ำได้ โอเคทุกสิ่ง

3. สบู่เหลว: หรือจะเป็นแชมพูเด็ก แชมพูขจัดรังแค น้ำยาล้างจาน ลามปามไปถึงน้ำยาเช็ดกระจก เลือกที่ถูกใจใกล้มือมาอย่างเดียวพอนะจ๊ะ

4. ผ้าขนหนู ทิชชูแผ่นใหญ่ๆ เพื่อให้ซับเครื่องประดับให้แห้ง

 

ส่วนพิธีกรรมการเสกแหวนให้กลับมาสวยวิ้งเหมือนใหม่ก็มีตามนี้คร้าา...

1. นำขันใบแรกมาใส่น้ำ ผสมแชมพู สบู่เหลว หรือน้ำยาเช็ดกระจกลงไปในปริมาณพอๆกันที่เราใช้อาบน้ำ ใครเลือกใช้น้ำยาเช็ดกระจกไม่ต้องผสมน้ำนะจ๊ะ จัดเพียวๆ On the Rock ได้เล้ยยยย

2. แช่เครื่องประดับทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ถ้าไม่ได้ล้างมานาน จะแช่ทิ้งไว้นานกว่านี้ก็ได้ แต่ถ้าเป็นพลอย แค่ 15 นาทีก็พอแล้ว ส่วนเพชรน่ะเหรอ.. ต่อให้ลืมทิ้งไว้ข้ามคืนยังไม่เป็นไรเลย หึหึ

3. นำแหวนขึ้นมาขัด ขัด ขัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณด้านหลังของเพชร ซึ่งเป็นจุดที่คราบโลชั่น คราบเหงื่อ ขี้ไคลจะเข้าไปซุกตัวฝังแน่นจนบดบังทางเดินแสง ทำให้เพชรหมดความแวววาว หากคราบฝังแน่น ให้แช่แหวนต่ออีกสักพักก่อนเอามาขัดใหม่ให้หมดจด

4. หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีคราบอะไรหลงเหลือแล้วก็ล้างน้ำเปล่าทำความสะอาด โดยล้างน้ำเปล่าในขันใบที่สอง ย้ำ! ว่าห้ามล้างลงอ่างล้างจาน อ่างล้างหน้าเป็นอันขาด

5. เมื่อล้างสะอาดแล้ว เช็ดให้สะอาด ส่องดูอีกทีเพื่อความมั่นใจว่าเพชรอยู่ครบมั้ยก่อนเก็บ ย้ำ!! ว่าต้องดูก่อนเทน้ำในขันทั้ง 2 ใบทิ้ง เพราะถ้าเพชรหลุดก็จะอยู่ในขันสองใบนี้ หรือระหว่างการขัด ตรวจให้ชัดว่าไม่มีเพชรหลุดค่อยเทน้ำทิ้งเป็นอันเสร็จพิธี

ส่วนความถี่ของการล้างแหวน อ่านต่อกันได้ที่ "ล้างแหวนบ่อยแค่ไหนดี" หรือถ้าขี้เกียจล้างเอง จะซื้อเครื่อง Ultrasonic มาติดบ้านไว้สักตัวก็ไม่เสียหาย

ส่วนวิธีการล้างด้วยเครื่อง ไว้จะมาต่อให้ได้อ่านกันวันหลังนะคะ

More Blogs at: www.diamondguru.co.th