เปิดแนวคิด เตย ณปภัช เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง เริ่มทำ 7 วัน ยอดขาย 7 หลัก
เรื่องความสวยรอไม่ได้ เรื่องความรวยก็เช่นกัน! วันนี้ Sanook! Women พาไปเปิดแนวคิดของผู้หญิงเก่งที่เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี จนปัจจุบันเธอมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง มีขายตามชอปต่างๆ รวม 30 สาขาทั่วประเทศ
"เตย ณปภัช อัศวกรภาณุ" หรือในโซเชียลเรียกเธอว่า "มิสแน็ป" สาววัย 28 ปี เจ้าของแบรนด์ไทย เอ็น.เอ.พี คอสเมติก (N.A.P) ผลิตภัณฑ์รองพื้นชนิดแท่ง ได้เผยที่มากว่าจะมีวันนี้ว่า
สาเหตุที่เลือกทำเป็นรองพื้นเพราะว่าเตยชอบทาบีบี มองว่าคนไทยก่อนแต่งหน้าต้องใช้รองพื้น เพราะรองพื้นคือพื้นฐานของหน้า แล้วเตยชอบรองพื้นแบบแท่ง มันสะดวกไม่เลอะเทอะ เจอแบรนด์ไหนก็จะซื้อๆ ก็เลยคิดว่าชอบขนาดนี้ ทำไมไม่ทำเองไปเลย เลยทำตัวนี้ออกมา อันนี้มันเป็นนวัตกรรมมาจากเกาหลี มีแปรงในตัวที่นิ่มมาก
ชีวิตในวัยเรียน
ตอนเรียนไม่เกี่ยวเลย จบคณะรัฐศาสตร์ การเมือง ตอนนั้นพูดตรงๆ ว่าเรียนเอาจบ เรียนเพื่อให้ได้ปริญญาเพื่อพ่อแม่แค่นั้น ไม่ได้คิดว่าเรียนจบแล้วต้องทำอะไร เราเรียนจบ 2 ปีครึ่ง
หลังจากนั้นเตยเดินทางบ่อย ท่องเที่ยวเยอะ มีเพื่อนเยอะ เป็นคนคิดไว ทำไว คล่องแคล่ว ไม่ค่อยกลัวอะไร อยากทำอะไรก็ลงมือทำ
ชีวิตในวัยเด็กเป็นอย่างไร?
บ้านเตยพ่อแม่ปล่อยตามสบายมาก ฐานะทางครอบครัวอยู่กลางๆ ไม่ได้ลำบาก อยากได้อะไรก็ได้ แต่ไม่ถึงกับได้ทุกอย่าง เป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่เรียนอยู่นครปฐม พอ ม. 4 ก็ได้เข้ามาอยู่กรุงเทพ พอเข้ามาอยู่กรุงเทพก็มีไปแคสงานโฆษณา อันนั้นคือจุดเริ่มต้นของการที่เรามีเงิน เรามีเงินตั้งแต่เด็ก เพราะเริ่มทำงานไว เดือนหนึ่งมีรายได้เข้ามาเป็นแสน
ก่อนหน้าที่จะมาทำธุรกิจนี้ผ่านอะไรมาบ้าง?
ก่อนหน้านี้ทำงานมาหลายอย่าง เป็นคนทำงานตั้งแต่เด็ก มีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุ 18 ปี มีรุ่นพี่เริ่มชวน ลงทุนหลักหมื่นเปิดร้านนั่งชิว ร้านประสบความสำเร็จนะ แต่หุ่นส่วนพี่ๆ เขาทะเลาะกัน เราเลยถอยออกมา ตอนนั้นรายได้ดี คืนทุน พอออกมาจากตรงนั้น เราก็รู้สึกว่าเราต้องมีอะไรทำทันที ตรงข้ามที่พักมีเซ้งร้านกาแฟ เรากาแฟไม่กิน ขนมไม่กิน แต่อยากทำ เลยเอาเงินไปลงทุน สุดท้ายก็ไปต่อไม่ได้ เพราะไม่ใช่ทางที่เราถนัด หลังจากนั้นเลยปรึกษาคุณแม่ว่าจะทำอะไรดี เลยทำเฟอร์นิเจอร์ มันเป็นธุรกิจที่ได้กำไรดีมาก เพราะเราไปซื้อเฟอร์นิเจอร์เก่าแล้วเอามาแต่งใหม่ ปรับราคา คือมีตัวเดียวในโลก เป็นไม้เก่า ก็เลยขายได้
จนประมาณ 20 ปีเริ่มเข้ามาทำงานประจำ จากการชักชวนของรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นการทำบริษัทพีอาร์ ตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะทำงานประจำได้ เพราะว่าโตมาก็ทำธุรกิจส่วนตัวมาตลอด พอได้เข้าไปทำ ก็รู้สึกสนุก ได้เจอสังคมใหม่ ทำได้สักพักก็ออกไปเรียนต่อต่างประเทศ ตอนไปเรียนก็มีคนที่เคยเป็นลูกค้าที่เราเคยทำงานให้ สนใจความสามารถของเรา ชักชวนว่าถ้ากลับมาไม่มีอะไรทำ มาทำงานกับเขาได้เลย
พอกลับไทยปุ๊บก็ไปทำงานกับเขาเลย เป็น General Manager พวกภายในเครื่องบิน เรือยอร์ช ทำงานที่นั่นไปหนึ่งปี รู้สึกอยากทำอะไรเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเหนื่อยขนาดนี้ ทำไมเราไม่ทำของเราเอง คิดว่าตัวเองพอพร้อม เลยจะทำเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงชอบแต่งหน้า
แต่เรื่องการคิดเป็นระบบ เตยได้มาจากการทำงานที่นี่ เตยว่าเตยเป็น GM ที่เด็กที่สุดในประเทศเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพราะเราช่วยทำงานทุกอย่าง ไปขัดเครื่องบินก็ยังได้ ประสบการณ์ชีวิตต้องขอบคุณที่ทำงานเก่าค่ะ
เตยชอบเดินทาง เพราะทุกครั้งที่เราเดินทาง ไม่เคยไม่ได้อะไรกลับมา ไม่ได้ความสุขก็ได้กำไร ได้ความคิดใหม่ ได้ไอเดีย ถ้าเราไม่เดินออกไปข้างนอก เราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้างนอกมีอะไร เตยเลยเดินทางบ่อย
ทำธุรกิจของตัวเองตั้งแต่เด็ก มีคนสนับสนุนไหม?
จริงๆ ช่วงที่ทำร้านเฟอร์นิเจอร์ มีแม่สนับสนุนเพราะเป็นธุรกิจที่บ้านอยู่แล้ว เปิดร้านนั่งชิว ก็มีปัญหากับหุ่นส่วน เปิดร้านกาแฟก็ไม่ได้ไปเลย เลยรู้สึกว่ายังต้องทำงาน เพราะเรามีแม่เป็นที่ปรึกาที่อยู่ใกล้ตัว
แต่ก่อนหน้านั้นเป็นเด็กไฮเปอร์ จะทำอะไรก็ลุยเลย เป็นคนที่คิดปุ๊บทำเลย ทำด้วยตัวเอง คือลุยมาก
ตอนนี้มีธุรกิจหลักอย่างเดียว เพิ่งเปิดวางขายได้ประมาณ 4 เดือน ไปได้ค่อนข้างดี เพราะก่อนที่เตยจะวางขาย เตยได้เตรียมพีอาร์ มาร์เก็ตติ้งมาพอสมควร วันแรกที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ภายใน 7 วัน ยอดขายถึง 7 หลักเลยค่ะ
มีใครแนะนำให้คำปรึกษาไหมกับการทำธุรกิจ?
ไม่มี เราเริ่มด้วยตัวเอง เพราะจากการทำงานเก่า เราได้เรียนรู้ระบบการบริหารด้วยตัวเอง ทำให้เรารู้ว่าโครงสร้างการทำบริษัทมันเป็นยังไง เตยมองว่าเตยไม่ได้ขายรองพื้น หรือ เครื่องสำอาง แต่เตยบริหารบริษัทมากกว่า เตยไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำรองพื้นออกมาขาย เตยกำลังทำบริษัท และทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
อะไรเป็นสาเหตุให้ตัดสินใจมาทำธุรกิจตัวนี้ มีแรงบันดาลใจอะไรไหม?
ไม่มีเลย แค่อยากทำอะไร เรารู้ในเรื่องของธุรกิจแบบนี้พอสมควร เตยมองเห็นว่าการขายของราคาหลักร้อย มันได้เงินและกำไรมากกว่าขายแพงๆ และขายให้คนจำนวนน้อย คนสามารถซื้อสินค้าเราได้
พอเริ่มทำธุรกิจ การใช้ชีวิตต่างกับตอนเรียน หรือการใช้ชีวิตที่ผ่านมาไหม?
ไม่ต่างเลย เพราะเตยใช้ชีวิตแบบนี้มาตั้งแต่แรก เป็นคนชัดเจน ทำงาน พุ่งเลย คิดเร็ว
อะไรคือความท้าทายในการทำธุรกิจ?
เรื่องยอดขาย ท้าทายตรงเราจะทำยังไงให้ยอดขายเราขึ้นได้ มันเป็นเหมือนการวางแผน การเล่นเกมส์ เราจะวางแผนยังไงให้ลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อของของเรา นอกจากความท้าทายมันมีความสุขอีกหนึ่งอย่าง คือเวลาเราไปที่ไหนแล้วเราเห็นโฆษณาเรา เราเห็นสินค้าวางอยู่ มันรู้สึกดี แต่ไม่เคยทำอะไรแล้วชอบเลยตั้งแต่เด็กๆ ตอนเด็กๆ ทำเพราะอยากได้เงิน จนกระทั่งโตมาก็คิดไม่ออกว่าเราชอบอะไร พอได้มาทำตัวนี้มันทำให้รู้สึกว่า นี่แหละคือสิ่งที่ชอบและได้เงิน มันมีความสุข
คู่แข่งเยอะ รับมืออย่างไร?
พยายามสร้างแบรนด์ให้แตกต่าง ทั้งในเรื่องของการนำเสนอเทรนด์การแต่งหน้าใหม่ๆ เปิดตัวมาใช้พรีเซ็นเตอร์คือ รัศมีแข ก็ถือว่าแปลกแล้ว เตยมองว่ามันคือความแตกต่าง มันคือความโดดเด่น เห็นปุ๊บแล้วคือเรา เพราะคอนเซ็ปของสินค้าเราคือ ไม่ว่าผิวสีไหนก็สวยได้ เตยเลือกให้คนได้เรียนรู้ว่าเลิกใช้รองพื้นผิดเบอร์ เลิกหน้าวอกสักที เลยมาเป็นตัวนี้
หลักการดำเนินธุรกิจที่เรายึดถือ?
เตยมองว่าสินค้าพวกนี้มันเป็นแฟชั่น ทุกอย่างต้องเร็ว มาเร็วไปเร็ว เราต้องนำคนอื่นให้ได้
อุปสรรค ที่ท้อจนไม่อยากจะกลับไปทำ?
ไม่เคยท้อจนไม่อยากจะทำ นี่เป็นครั้งแรกที่เราไม่รู้สึกนั้น มีปัญหาอะไรก็ไม่เคยรู้สึกไม่อยากจะทำ เพราะมันคือแบรนด์เรา มันคือของเรา เราล้มไม่ได้ เพราะเรามีพนักงาน มีครอบครัวที่ต้องดูแล เมื่อก่อนเจ๊ง คือเราเจ๊งคนเดียว แต่ตอนนี้เรามีลูกน้อง เราต้องพาเขาไปต่อให้ได้
บริหารงานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ?
เราจะขายอะไรก็ได้ ถ้าเรามีการตลาดที่ดี การทำธุรกิจต้องเร็ว เราตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองทั้งหมด เตยขอความคิดเห็นคนอื่นน้อยมาก เพราะเตยเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง มันมาได้ถึงจุดนี้ แสดงว่าเราคิดถูก ตอนนี้กำลังจะเปิดตลาดวางขายต่างประเทศ เราอยากทำให้เป็นเครื่องสำอางที่คนไทยต้องรู้จัก
ข้อคิดสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจ
เตยอยากบอกว่า อย่ามัวรีรอ ถ้าอยากทำอะไรก็รีบตัดสินใจ และลงมือทำ เพราะว่าหนึ่งนาทีที่คุณช้า คนอื่นก็นำคุณไปแล้ว การทำธุรกิจมันต้องเร็ว