เท้าบวม สัญญาณเตือน 5 โรคร้ายที่ไม่ควรมองข้าม !

รู้หรือไม่ว่าเท้า เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมาก ไม่ใช่เฉพาะแค่เอาไว้เดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมเส้นประสาทต่าง ๆ ของร่างกายอีกด้วย เราจึงมักจะเห็นร้านรับนวดกดจุดต่าง ๆ ที่มักจะโฆษณาว่าช่วยในการผ่อนคลาย ซึ่งก็สามารถทำได้จริง นอกจากนี้การเป็นโรคร้ายบางอย่างก็สามารถส่งสัญญาณเตือนให้กับเราได้ ด้วยการทำให้เท้าบวม มาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้าง

1.โรคไต

เป็นโรคอันดับแรก ๆ ที่มักจะสังเกตได้ง่ายที่สุดหากมีอาการเท้าบวมจนถึงขั้นใส่รองเท้าไม่ได้ หรือเมื่อกดลงไปที่เท้าจะเกิดรอยบุ๋มขนาดใหญ่ขึ้น ยิ่งถ้ามีอาการรวมกับการปวดบั้นเอว หรือปวดหลังตรงบริเวณไตก็ยิ่งมั่นใจได้เลย หากพบอาการเช่นนี้ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

2.โรคตับ

อาการบวมของเท้าสำหรับผู้เป็นโรคตับ จะตรงข้ามกับโรคไต คือจะแสดงผลก็ต่อเมื่ออาการมีความรุนแรงมากขึ้นจนถึงเกือบระยะสุดท้ายแล้ว ไม่ใช่เพียงระยะแรก ๆ เท่านั้น หรือที่เรียกกันว่าอาการบวมน้ำเพราะตับไม่ทำงานนั่นเอง โรคตับที่จะแสดงอาการเหล่านี้ คือโรคตับแข็งและมะเร็งตับ

3.หลอดเลือดดำที่ขาอุดตัน

โรคนี้มักจะเกิดกับผู้ที่มีอาชีพที่ต้องใช้ขาเป็นหลัก อย่างการปั่นจักรยานสามล้อรับจ้าง การยืนขายสินค้า ตำรวจจราจร พยาบาล เป็นต้น ซึ่งเกิดจากการที่เลือดไหลไปคั่งที่ขาส่วนล่างมากกว่าปกติ จึงเป็นเหตุให้ขาบวมหรือเท้าบวม สามารถรักษาได้ด้วยการนั่งพักหรือนวดตามปกติ แต่ถ้าหากใครมีอาการรุนแรง ก็อาจจะเกิดตะคริว หรือเกิดแผลจากการที่ลิ่มเลือดอุดตันได้ จึงควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้ถูกวิธี

4.โรคหัวใจ

โรคหัวใจก็มีความสัมพันธ์กับเท้าเช่นกัน หากหัวใจด้านขวาทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ หรือทำงานผิดปกติไปจากเดิม จะทำให้เลือดที่ไหลเวียนที่ขาไม่สามารถไหลกลับเข้ามาในหัวใจได้ จึงทำให้มีเลือดคั่งอยู่ที่ขา เป็นเหตุให้เท้าบวม

5.โรคเท้าช้าง

ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับคนทั่วไปง่าย ๆ แต่ก็สร้างความหวาดผวาให้กับคนส่วนมากได้พอสมควร เพราะความน่ากลัวของโรคที่ไม่ใช่แค่เท้าบวมธรรมดา แต่บวมจนมีลักษณะที่ใหญ่ผิดปกติ ซึ่งโรคนี้เกิดจากการโดนยุงที่มีเชื้อพยาธิเท้าช้างกัดซ้ำ ๆ จนระบบน้ำเหลืองของร่างกายทำงานผิดปกติ และไปกระตุ้นส่วนต่าง ๆ รวมทั้งเท้าให้บวมขึ้น

ถึงแม้ว่าอาการเท้าบวมจะเป็นสัญญาเตือนของการเกิดโรคร้ายทั้ง 5 โรคนี้ แต่ก็ไม่ต้องกังวลจนเกินเหตุ เพราะบางครั้งเท้าก็อาจจะบวมได้จากการเดินหรือวิ่งมาก รวมถึงอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันด้วย เมื่อสังเกตเห็นเท้ามีความผิดปกติก็ลองจับหรือกดดูว่ามีอาการเจ็บหรือไม่ เพื่อจะได้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการได้อย่างถูกต้อง