หมดกังวลเรื่องผื่นผ้าอ้อม แค่รู้วิธีรับมือ

สำหรับพ่อแม่มือใหม่ที่กำลังมีปัญหากับการเลี้ยงลูกตัวน้อย โดยเฉพาะเรื่องของผื่นผ้าอ้อมที่สร้างความกังวลให้กับพ่อแม่ และความไม่สบายตัวให้กับเจ้าตัวเล็กเป็นอย่างมาก ซึ่งผื่นผ้าอ้อมนี้มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ ไปจนถึงผิวแตกที่อาจถึงขั้นเลือดซิบ จากสารแอมโมเนียที่มาจากความเปียกชื้นของผ้าอ้อมและแพมเพิร์สนั่นเอง เราจึงได้รวบรวมวิธีการรับมือกับปัญหานี้ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจมากขึ้น

หมั่นตรวจเช็คและเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ

วิธีแก้ปัญหาเรื่องผื่นผ้าอ้อมที่ดีที่สุด ก็คือการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกทุกครั้งที่มีการขับถ่ายออกมา ซึ่งเด็กในวัยนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะปัสสาวะหรือจะอุจจาระเมื่อไร จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ในการเลี้ยงลูกที่จะต้องคอยดูว่าผ้าอ้อมเปียกหรือแฉะหรือไม่ จะได้ทำการเปลี่ยนผ้าอ้อมเพื่อลดปฏิกิริยาแอมโมเนียที่อาจเกิดขึ้น

ลดการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับผ้าอ้อม

ต่อให้พ่อแม่เปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยครั้ง แต่ถ้าไม่มีการทาแป้งหรือทาครีมเพื่อลดความอับชื้น หรือลดการเสียดสีโดยตรงระหว่างผิวบริเวณก้นของลูกน้อยกับผ้าอ้อม ก็อาจส่งผลให้เกิดผื่นผ้าอ้อมได้เช่นกัน ลองใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคดูจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของลูกมากขึ้นด้วย

ระบายอากาศให้ลูกบ้าง

ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ผ้าอ้อมให้ลูกตลอดเวลา ลองให้หนูน้อยนอนเปลือยก้นดูบ้างอย่างน้อยวันละ 15 นาที หลังอาบน้ำ จะทำให้ลูกรู้สึกสบายตัว และช่วยป้องกันผื่นผ้าอ้อมที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ควรระวังมดและแมลงที่อาจจะก่อปัญหาให้มากกว่าผื่นแบบธรรมดาด้วย

ไม่จำเป็นต้องใช้สบู่

เข้าใจว่าพ่อแม่บางคนยังใหม่สำหรับการเลี้ยงลูก จึงอาจเผลอรักษาความสะอาดมากเกินไป ด้วยการเอาสบู่ล้างก้นลูกในทุก ๆ วัน แต่ผิวของเด็กในวัยนี้มีความบอบบางและละเอียดอ่อน การล้างด้วยสบู่ทุกวันจึงทำให้ผิวแห้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น หากต้องการทำความสะอาดจริง ๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากธรรมชาติ

ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ในรายที่ลูกมีอาการของผื่นผ้าอ้อมแล้ว อย่าซื้อยามาใช้เอง เพราะยาบางชนิดก็อาจจะไปกระตุ้นให้เกิดการแพ้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะยาประเภทขี้ผึ้ง ที่เมื่อทาแล้ว ตัวยาจะไปเคลือบผิวจนทำให้เกิดการอับชิ้นมากกว่าเดิม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อให้ได้ยารักษาที่ถูกต้องที่สุด

เพราะปัญหาผื่นผ้าอ้อมของลูก เป็นปัญหาที่พ่อแม่ทุกคนต้องเจออยู่แล้ว แต่ถ้าพ่อแม่รู้วิธีรับมือด้วยการใช้ 5 วิธีเหล่านี้ในการป้องกัน ก็สามารถคลายกังวลในเรื่องนี้ได้แล้ว และยังช่วยให้ลูกน้อยร่าเริงจากความสบายตัวอีกด้วย