เส้นทางชีวิต “ฉัตร-ฉัตรชัย” จากช่างแต่งหน้าราคา 10 บาท สู่ช่างแต่งหน้าหลักแสน
พูดถึงช่างแต่งหน้าคิวทอง เจ้าของผลงานสไตล์หวาน สวยฉ่ำโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ฝากผลงานไว้บนใบหน้าของคนดังมากมาย อาทิ อั้ม พัชราภา, นุ่น วรนุช, หญิง รฐา, เป้ย ปานวาด หรือ นัท มีเรีย ล้วนแล้วแต่ผ่านมือของ "น้องฉัตร-ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ" ช่างแต่งหน้าคลื่นลูกใหม่วัย 29 มาแล้วทั้งสิ้น
จากลูกแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ครอบครัวมีปัญหาทางด้านการเงิน น้องฉัตรต้องออกมาเรียนสายอาชีพ เรียนเสริมสวย และเรียนหนังสือไปพร้อมๆ กัน เธอบอกว่า "อยากมีชื่อในนิตยสาร มีคนรู้จักเหมือนช่างแต่งหน้าคนอื่นบ้าง" ชีวิตของช่างแต่งหน้าคนนี้จะเป็นอย่างไร Sanook! Women มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าตัว บอกเลยว่าเส้นทางจากช่างแต่งหน้าราคา 10 บาท สู่ช่างแต่งหน้าค่าตัวสูงระดับประเทศนั้นไม่ง่ายเลย
แม้ยากลำบาก แต่ "แม่" คือผู้ให้โอกาส
น้องฉัตรเกิดในครอบครัวคนจีน และเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของบ้าน แต่เพราะที่บ้านไม่เคยห้าม พร้อมให้อิสระด้านความคิด น้องฉัตรจึงได้ทำทุกอย่างตามที่ตัวเองฝัน โดยมีคุณแม่เป็นผู้สนับสนุนอยู่ข้างๆ มาตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะประโยคจากปากแม่ "ลูกกลับมาเป็นผู้ชายไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นคนดีก็พอ" ทำให้น้องฉัตรคิดว่าถ้าตนเองจะทำอะไรจะทำให้ดีที่สุด
ตั้งแต่วัยเด็กน้องฉัตรใฝ่ฝันอยากเป็นช่างแต่งหน้า แต่เพราะเครื่องสำอางราคาสูงน้องฉัตรจึงเริ่มต้นจากการเป็นช่างทำผมก่อน จากนั้นพยายามไปสมัครงานตามร้านเสริมสวยแต่ก็โดนปฏิเสธ จนคุณแม่เห็นใจยอมปรับปรุงชั้นล่างของตัวบ้านเปิดเป็นร้านเสริมสวยเล็กๆ ให้
"เราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยตั้งแต่อายุ 13 วันเสาร์ อาทิตย์ทำผม สระไดร์ได้ค่าจ้างหัวละ 10 บาท เป็นเส้นทางให้เราทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ รู้เลยว่าการหาเงินไม่ใช่เรื่องง่าย ทำงานเก็บเงินจ่ายเงินค่าเรียนเอง จนช่วงฝึกงาน ทำงานเคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางในห้าง ได้เห็นงานในวงการแฟชั่นมากขึ้น พี่ๆ ช่างแต่งหน้างานล้นมือก็ชวนเราให้ไปช่วยซับหน้า เริ่มมีงานนอกเยอะขึ้น เป็นฟรีแลนซ์ไปทำงานนอกบ้าน"
โอกาสเข้ามาพร้อมการแข่งขันที่ดุเดือด
หลังจากนั้นน้องฉัตรก็เริ่มเป็นช่างแต่งหน้า แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากนัก จนกระทั่งตนเองเข้าไปแสดงความคิดเห็นในอินสตาแกรมส่วนตัวของคุณหญิง รฐาว่าอยากแต่งหน้าให้ แต่ใครจะคิดว่าหญิง รฐาจะเห็นข้อความนั้น เป็นสาเหตุให้เมื่อน้องฉัตรเจอกับคุณหญิง รฐา ทั้งสองจึงได้ทำความรู้จักกัน และได้รับการชักชวนไปแต่งหน้าให้เธอตอนไปร่วมงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2013 ที่ประเทศฝรั่งเศส จากงานนี้ทุกคนจึงได้เห็นความสามารถ และฝีมือของช่างแต่งหน้าที่ชื่อว่าน้องฉัตร และกลายเป็นปีทองของเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
งานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องทำให้อันดับช่างแต่งหน้าคิวทองอันดับต้นๆ ของเมืองไทยตกไปอยู่ในมือของน้องฉัตรได้ไม่ยาก หากแต่โอกาสที่เข้ามานั้นกลับมาพร้อมเสียงบอกเล่าแบบปากต่อปากในทางที่ไม่ค่อยบวกนัก โดยเฉพาะการถูกมองว่าเขาเป็นช่างแต่งหน้าเกาะกระแส รับแต่งหน้าให้เฉพาะคนมีชื่อเสียง ดารา นักแสดง
“ในยุคโซเชียลมันก็ต้องทำแบบนี้ เพราะมันคือการประชาสัมพันธ์ตัวเอง ถ้าฉัตรเก่งแต่ไม่ได้พีอาร์ตัวเอง คนก็ไม่รู้ เราอยากมีงานเยอะ อยากทำงาน เราก็ทำตามกระแสที่เราอยู่ ณ พื้นที่ตรงนั้นมากกว่า กว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้เราไม่ได้รวย แต่ที่เรามีเงิน เพราะเราทำงานหาเงิน”
โลกไม่ได้อยู่ยาก ถ้าเรามองให้มันอยู่ได้
วงการช่างแต่งหน้าไม่แตกต่างจากวงการอื่นๆ ที่มีการเปรียบเทียบ แข่งขันกันอย่างดุเดือด การจะทำให้ทั้งวงการน่าอยู่จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนเพียงคนเดียว น้องฉัตรเองก็เป็นคนที่อยู่ในโลกเล็กๆ ใบนี้ โลกที่ใครอาจมองว่าอยู่ยาก แต่สำหรับน้องฉัตรแนะนำว่าถ้าเรามองโลกให้มันอยู่ได้ ชีวิตจะง่ายขึ้นกว่าเดิม
“เราพยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า เรามองทุกอย่างเป็นมุมบวก เราปรับตัวเองได้ เราเคยไปทำงานแฟชั่นแล้วโดนไล่กลับบ้าน เพราะเกิดจากความไม่เข้าใจกัน หลังจากนั้นเราก็ไม่ร่วมงานกับคนนั้นอีก ฉัตรอยากทำให้วงการนี้น่าอยู่” การเลือกที่จะคิดบวกจึงทำให้น้องฉัตรบอกว่าทุกวันนี้ตัวเองมีความสุขมากยิ่งขึ้น เพราะโอกาสต่างๆ ที่เข้ามามันง่ายขึ้น ในขณะที่ตัวเองยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม
ความมุ่งมั่นตั้งใจ ส่งไปสู่ความสำเร็จ
ทุกวันนี้น้องฉัตรได้พิสูจน์ให้ตัวเองและคนรอบข้างเห็นแล้วว่าถ้าเรามีเป้าหมาย และลงมือทำ เส้นชัยเหล่านั้นก็ไปถึงได้ไม่ยาก จากช่างแต่งหน้าเชียร์ลีดเดอร์สมัยเรียนหน้าละ 10 บาท เดินทางมาสู่การเป็นช่างแต่งหน้าติดอันดับ 1 ใน 5 ของเมืองไทยที่มีเรทราคาค่าจ้างแต่งหน้างานโฆษณาราคาหลักแสน หรือแม้กระทั่งหลักชัยถัดมาที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ และมีเงิน 100 ล้านก่อนอายุ 30 ปัจจุบันน้องฉัตรมีธุรกิจเครื่องสำอางของตัวเอง และคงจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจได้ไม่ยาก ทุกสิ่งที่ลงมือทำเป็นเพราะอยากวางฐานรากให้ตัวเองและครอบครัวมั่นคง พร้อมเป็นต้นแบบของคนมีฝัน หากตั้งใจ ลงมือทำ ต้องสำเร็จแน่นอน
"เราเป็นคนไม่เคยปล่อยผ่านโอกาสที่เข้ามาในชีวิต เวลาเราเจอน้องๆ เราอยากให้โอกาสเขา แต่เขาไม่รับ เราเสียดายแทนนะ ตอนเด็กๆ บ้านอยู่ปู่เจ้าสมิงพรายไปทำงานปิ่นเกล้า ตื่นเช้ากลับดึก ถึงขนาดนั่งหลับบนรถเมล์จนเลยป้าย เราผ่านทุกช่วงชีวิตของการทำงาน ทุกวันนี้เลยรู้สึกว่าเราโชคดีกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่มีโอกาส เราไม่ได้แต่งหน้าเก่งที่สุด ยังมีคนแต่งหน้าเก่งกว่าเราเยอะแต่เขาอาจไม่มีโอกาส แต่เรามีโอกาส ทุกวันนี้ใครที่รัก และมีโอกาสเราก็พร้อมจะสนับสนุน"
ปัจจุบันจึงมี #ทีมน้องฉัตร ซึ่งเป็นลูกทีมที่เกิดจากเด็กรักการแต่งหน้า มีฝัน อยากเติบโต ประสบความสำเร็จแบบน้องฉัตร เข้ามาเรียนรู้วิธีทำงาน ใช้ชีวิตอยู่และได้รับโอกาสจากน้องฉัตรจนกลายเป็นทีมน้องฉัตรที่อยู่กันเป็นครอบครัว "พวกเขาเป็นน้องๆ ที่เราปั้นมาตั้งแต่เรียนปวช. เริ่มทำงานตั้งแต่เด็กเหมือนเรา เราได้โอกาสมายังไง เราเจอคนอื่นเราก็อยากให้โอกาสเขาเหมือนกับที่เราเคยได้รับ" ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณอยากแต่งหน้ากับน้องฉัตร และน้องฉัตรไม่ว่างก็จะมีทีมน้องฉัตรไปแปลงโฉมให้คุณ ความสวยหวานสไตล์น้องฉัตรเทียบเท่าต้นแบบ 100 เปอร์เซ็นต์แน่นอน
หลักชัยถัดไปของช่างแต่งหน้าคิวทอง ที่ดูเหมือนจะเป็นความฝันของช่างแต่งหน้าหลายๆ คน "น้องฉัตรฝันอยากแต่งหน้าให้บียอนเซ่ เพราะอยากให้เขารู้ว่าผลงานคนไทยก็เก่ง เราอยากพรีเซนต์ประเทศ ให้คนรู้จักไทยแลนด์มากขึ้น"
การมีฝัน วางเป้าหมายมันง่าย แต่การจะไปถึงมีเพียงอย่างเดียวคือ "ทำ" เพราะไม่ว่าวงการไหน สายอาชีพอะไร หากคุณเป็น "ตัวจริง" เชื่อว่าคุณสามารถประสบความสำเร็จได้แบบ "ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ"