คุณพ่อสุดฮิพ !! พีท ทองเจือ
กรี๊ด!! เสียงสั่นเลยค่ะ พอรู้ว่าภาพยนตร์บันเทิง ฉบับวันพ่อปีนี้ แขกรับเชิญพิเศษผู้ที่เราจะได้นั่งเม้าท์อย่างใกล้ชิด ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ พี่พีท ทองเจือ หนุ่มฮิพเสมอต้นเสมอปลาย แม้วัยจะล่วงเข้า 42 ปีแล้ว แถมยังเป็นคุณพ่อลูกสาม เซย่า มิย่า และ โลเตอร์ แต่พี่พีทก็ยังดูแลตัวเองสุดๆ วันนั้นพี่พีทเปิดบ้านที่โรงเรียนอธิกานต์ ย่านอ่อนนุชนั่งพูดคุยกัน อย่างที่บอกค่ะว่า พี่พีทเนี่ยเป็นคุณพ่อสุดฮิพ เพราะเดินมาปุ๊บก็เห็นชุดกางเกงยีนส์พับขา รองเท้าสีเขียวเรืองแสง แถมเชิ้ตที่ใส่ยังละม้ายคล้ายช้อปเด็กช่าง ด้านคุณลูกคนเล็กน้องโลเตอร์เนี่ย ใส่เดฟกันตั้งแต่ยังวิ่งไม่คล่องกันเลยทีเดียว
วันนั้นเราเริ่มต้นจากการจับปูใส่กระด้งถ่ายแฟชั่น โดยมี "คุณเจ็ง" วิไลลักษณ์ ทองเจือ ภรรยาคนสวยของพี่พีทมาช่วยดูแลการผลิต บอกตรงๆ ว่าหลังจากที่เห็นแววตาที่คุณพ่อพีทมองลูกๆ แล้ว ดีใจกับครอบครัวนี้มากจริงๆ เพราะมันเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย คือที่สุดของความเป็นคุณพ่อ ที่พี่พีททำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม
"เรื่องลูกๆ ผมจะสอนเยอะหน่อยเกี่ยวกับหลักของธรรมะครับ เรื่องความเป็นธรรมชาติของตัวเรา ธรรมชาติของลูก มีการสร้างวินัยในชีวิตให้กับลูกๆ แต่จะไม่ขีดเส้นให้เขาเดินตาม จะแบบว่าอยากให้เขาทำทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เราฝืนธรรมชาติของลูกๆ ไม่ได้หรอก แต่กับวินัยเป็นสิ่งที่เขาจะต้องมีติดตัวไว้เมื่อต้องอยู่ในสังคม"
พี่พีทดุไหมคะ
"มีดุบ้างครับ คือตามวัยนะ ถึงวัยนึงเขาจะไม่ฟัง อย่างลูกๆ เนี่ยเขาจะรู้ความต้องการของตัวเองเยอะ พอเยอะก็จะเริ่มไม่ฟัง คือทำทุกอย่างที่อยากจะทำ แต่จริงๆ ก็ดีนะ เพราะลูกเราจะช่วยเหลือตัวเองได้เยอะ แล้วก็เขาดูแลกันเองได้ อย่างไปข้างนอกไปเจอกับเด็กคนอื่นๆ ลูกเราจะคล่องมาก"
เลี้ยงลูกเองมาตลอด
"ครับคือเราเลี้ยงกันเอง ไม่มีพี่เลี้ยง เพราะว่า 3 ปีแรกของน้องเราจะไม่อยากสูญเสียตรงนั้นไป คือคนอื่นมาช่วยก็ไม่เหมือนกับเราดูแลด้วยตนเองตลอดเวลา บางคนอาจจะบอกว่าเหนื่อย แต่ผมเรียกว่าสนุกมากกว่า (ยิ้ม) เราไม่ได้ถูกบังคับให้มีน้อง เราเลือกที่จะมี ต้องทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด"
ลูกๆ 3 คนเป็นอย่างไรบ้างคะ
"ก็สนุกครับ คนโตเขาก็เป็นผู้หญิงหน่อย คล้ายสุภาพสตรี รักสะอาด รักสวยรักงาม คนกลางเนี่ย มีย่า จะคล่อง ฉลาด จริงๆ เขาฉลาดทุกคนนะ แต่มีย่าจะคล่องจะสดใส มีวิธีการพูด ส่วนโลเตอร์เนี่ยเป็นเด็กผู้ชาย ก็พยายามปลูกฝังกิจกรรมที่เป็นเด็กผู้ชายให้เขาเอาไว้ เขาน่ารักแล้วก็ฉลาดมาก อย่างไปแข่งรถก็พาไปด้วยตลอด เขาก็ชอบนะครับรถเนี่ย"
มีไหมคะ ที่จัดวันเป็นแฟมิลี่เดย์ 1 วันเต็มๆ
"ไม่เลยเพราะเราก็อยู่เป็นครอบครัวตลอดเวลาอยู่แล้ว อย่างถ้าผมทำงานแล้วเขาไม่ติดเรียนจริงๆ ก็จะพาเขาไปด้วย อย่างตอนนี้เขายังเด็กอยู่ หยุดเรียนได้ก็หยุดเลยแล้วไปด้วยกัน เพราะว่างานบันเทิงกับผม ผมคงไม่ได้ทำอีกนานเท่าไหร่ คือเหมือนทำแบบเป็นงานอดิเรก เพราะผมมีงานด้านอื่นด้วย ผมก็มองจริงๆ นะว่า งานบันเทิงคนที่เข้ามาทำจะถูกแยกจากครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องของเวลา แต่เราเลือกที่จะให้เราอยู่ด้วยกันตลอดเลยดีกว่า"
ลูกๆ ติดพี่พีทมากๆ
"(ยิ้ม) ทุกคนล่ะครับ เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาอ้อนผมผมจะอยู่เป็นเพื่อนเขาได้ คือรู้ว่าเล่นด้วยได้ ส่วนมากจะโดนลูกแกล้งเพราะผมไม่ค่อยดุมาก มีแอบกัดด้วย แล้วเวลาบอกเขา เขาก็จะแกล้งทำเป็นไม่ฟังไม่ได้ยิน ทั้งๆ ที่เขารู้ทุกอย่างคือเขาต่อต้านจะแกล้ง (ยิ้ม) แต่กับคุณแม่เขา จะเป็นระเบียบกว่า เพราะเป็นผู้หญิง นี่เขาก็ติดทั้งคู่ เพราะถ้าไม่มีคนใดคนหนึ่งอยู่เขาก็จะถามถึงอีกคน"
เมื่อคุณลูกดื้อ
"คือต้องใช้ความอดทนนิดนึงครับ เพราะเด็กเขาจะเกิดๆ ดับๆ ตลอดเวลาในภาวะจิตเขา เพราะฉะนั้นถ้าเราไปเกิดดับตามเด็กเราก็จะเครียดแล้วก็เริ่มทุกข์ละ ถ้าลูกไม่ได้ตามใจเราต้องการ แต่จริงๆ แล้วเราก็ต้องวนไปในเรื่องของความเป็นธรรมชาติ คือเด็กเป็นแบบนั้นมันไม่ผิดที่เขาจะคิด จะไม่ฟัง จะดื้อ วินาทีนั้นต้องปล่อยให้เขาเป็นแบบนั้นก่อน หลังจากนั้นค่อยพาเขาไปอีกทีรอเขาใจเย็นแล้วค่อยอธิบายให้เขาฟัง"
แล้วถ้าคุณลูกอ้อนล่ะคะ
"อย่างสามคนนี้จะฉลาดพูด เวลาจะอ้อนเนี่ยจะวิ่งมานัวเนีย จะมีคำถามแบบง่ายๆ แต่ตรงกับความต้องการ อย่างอยากไปเที่ยว เขาก็มาละบอกว่า อยากไปที่โน่นไปได้ไม่ได้ คือเขาจะไม่ถามว่าจะพาไปไหม แต่จะถามว่าไปได้หรือไม่ได้ เราก็ขอคิดดูก่อน เขาก็ถามต่อเลยว่าคิดดูแล้วไปได้หรือไม่ได้ ได้ไหมได้จริงหรือเปล่า คือเป็นแนวที่มาแล้วเราจะใจอ่อน"
ครอบครัววัยรุ่นมากเลยค่ะ เห็นโลเตอร์ใส่เดฟแล้ว
"(หัวเราะ) ใช่ครับ"
กิจกรรมที่พีพีทชอบพาลูกๆ ไปมีอะไรบ้างคะ
"ส่วนมาก กิจกรรมว่างๆ เอาลูกเป็นหลักมีไปเล่นน้ำ สวนสนุกบ้าง พาไปดูสัตว์ แล้วก็พาไปหาธรรมชาติเยอะๆ แล้วก็จะเน้นสอนเรื่องภัยพิบัตินะ คืออยากให้ทุกคนอยู่ได้ ทุกคนจะต้องเคยชินกับการที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีรูปแบบเป็นเรื่องของการมีสติตลอดเวลา เพื่อพิจารณาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า สอนให้ปรับตัวได้ สอนเรื่องนี้แล้วก็พาไปอยู่กับธรรมชาติ เด็กๆ ก็ไม่งอแงนะ อย่างทุกวันนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเยอะ เราก็จะสอนเขาให้เขาดู บอกเขาเนี่ยเห็นไหมทุกอย่างมันใกล้เขามาเรื่อยๆ แล้วนะ น้ำท่วมอยู่รอบตัวเรา เขาก็จะเห็น อย่างตัวเล็กขวบกว่าก็จะรู้แล้วว่าน้ำท่วมคืออะไร"
หลายคนมองว่าสังคมวันนี้น่ากลัว พี่พีทสอนลูกอย่างไรคะ
"ส่วนมากจะให้ดูข่าว จะสอนเขาเสมอว่าถ้าเราเห็นข่าว เราก็จะรู้ว่าเกิดเหตุ การณ์อะไรขึ้นแล้วจะทันกับเหตุการณ์ ลูกๆ ก็จะชอบดูข่าวทุกคน ข่าวเนี่ยเขาจะได้ดูทุกเช้าตอนแต่งตัวไปโรงเรียน อย่างมีเหตุอะไรก็จะสอนไปตอนดู อย่างเรื่องใครฆ่าใครเขาก็จะถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น เราก็จะบอกว่าเพราะเขาเป็นคนไม่ดี ไม่มีสติแล้วก็ทำทุกอย่างไปโดยไม่รู้ตัว เราจะสอนเขาได้ คือมันมาจากเรื่องจริง ทำให้เขารู้จักระวังตัวจากภัยรอบตัวที่จะเกิดขึ้น นี่ล่ะคือต้องให้เขาดูข่าวแล้วอธิบายเยอะๆ ว่า คนมีทั้งดีและไม่ดี แต่ไม่ใช่จะมาตัดสินคนจากสิ่งภายนอก คือถ้าไม่มั่นใจที่จะคุยกับใครแล้วมีความรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเราก็ไม่ต้องไปคุยกับเขา"
ความอบอุ่นของครอบครัวคือเกราะป้องกันภัย
"ผมสอนให้เขาดูแลตัวเองได้ สอนให้คิดให้ตัดสินใจแล้วเขาจะเริ่มรอบคอบกว่าปกติ คนจะพูดว่าห่วงลูกจังเลยเพราะสังคมน่ากลัว แต่กลับไปดูตรงจุดเริ่มต้นของปัญหาหรือเปล่าว่า คุณให้ความรัก ความอบอุ่นลูกพอไหม ถ้ามันพอก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเพราะจิตใจเขาจะอยู่กับเราตลอดเวลา แล้วค่อยไปห่วงตอนโต ที่ผ่านมาจะเห็นพ่อแม่ห่วงแต่กิจกรรมของตัวเอง ห่วงเพื่อนปล่อยลูกให้พี่เลี้ยง คุณตาคุณยายแล้วมาบอกว่าสังคมจะทำร้าย คือไม่ใช่ จริงๆ เวลาที่สำคัญที่สุกคือ 3 ปีแรก ถ้าลูกเห็นเราอยู่กับเขาตลอด ใจเราจะอยู่กับเราแล้วเราจะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของเขาตลอดไป เขาเรียกว่า 3 ปีทอง ซึ่งพ่อแม่บางคนไม่เข้าใจ แต่ผมเข้าใจนะมันอาจจะมีภาระเรื่องงานอะไรมาเกี่ยวข้องแต่ก็ต้องดูว่าเราสามารถทำได้ขนาดไหน"
วางอนาคตคุณลูกไว้บ้างหรือยังคะ
"เรื่องอนาคตเขาเนี่ยตอนนี้อย่าง ขับรถ ขี่ม้า ยิงปืนพวกเขาจะทำได้เร็วกว่าเด็กวัยเดียวกันแน่ แต่ถ้าอนาคตเขาจะเลือกไหมเป็นสิทธิ์ของเขา คือสิ่งต่างๆ ที่ผมสอน ที่เขาได้เรียนรู้นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องรู้และต้องทำได้ค่อนข้างดี อนาคตเนี่ยอาจจะมือถือกีตาร์ก็ได้ครับ ตรงนี้อยู่ที่เขา เราไปขีดเส้นให้เขาทำอย่างที่เราต้องการไม่ได้หรอกครับ"