ปฏิบัติการตามหาครีมกันแดดที่ปกป้องได้ดีถึงใจ และไม่ขโมยความชุ่มชื้นไปจากผิว

     แม้ลมหนาวจะมาพร้อมความเย็นสบายผิว แต่นี่แหละ คือภัยเงียบที่หากเรามองข้ามก็จะทำให้ผิวทั้งแห้งกร้านและถูกทำร้ายจากรังสียูวีได้ เพื่อเป็นการผ่านพ้นหนาวนี้ไปได้อย่างปลอดภัย Sanook จึงทำการค้นหาครีมกันแดดที่มีป้องกันรังสียูวีได้อยู่หมัด แต่ก็ไม่ทำให้ผิวมันเยิ้มจนเกินไป และก็ต้องไม่ขโมยความชุ่มชื้นไปจากผิว

     ข้อแม้เยอะขนาดนี้ ทางเลือกที่ดีต่อผิวที่สุดก็คือ บรรดาเวชสำอางทั้งหลาย ที่อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวแน่นอน เราจึงเลือกผลิตภัณฑ์กันแดด 4 ชนิดมาทดสอบกับผิว ก่อนออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อพิสูจน์ให้รู้ผลลัพธ์กันไปเลย และเพื่อความโปร่งใส ไม่ลำเอียง เราขอไม่เปิดเผยแบรนด์ จนกว่าจะเจอผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจจริงๆ เท่านั้น จึงจะเฉลยผลลัพธ์ให้รู้โดยทั่วกัน

    เริ่มกันที่แบรนด์ A มาในบรรจุภัณฑ์หลอดผอมทรงเรียว ฝาเปิดแบบหมุน ขนาด 30 มิลลิลิตร เนื้อครีมกันแดดเป็นเนื้อมูส สีเบจ กลิ่นหอมอ่อนๆ ลองทาลงบนผิวแล้วซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และให้สีที่เนียนเป็นเนื้อเดียวกับผิว

     แบรนด์ B อยู่ในหลอดทรงกว้าง จับง่าย ถนัดมือ ฝาเปิดแบบหมุน ขนาด 50 มิลลิลิตร เนื้อครีมสีขาว เข้มข้นมาก จึงต้องทาแต่น้อย เพราะไม่งั้นจะเหนียวเหนอะหนะจนเกินไป แต่พอทาลงผิวแล้วก็ซึมซาบดี แม้จะทิ้งคราบขาวไว้นานสักหน่อย ไม่นานก็ซึมลงผิวจนหมด
     แบรนด์ C มาในหลอดทรงกว้าง จับถนัดมือเช่นกัน ฝาเปิดแบบหมุน ขนาด 30 มิลลิลิตร เนื้อครีมสีขาว บางเบา ทาแล้วซึมลงบนผิวง่าย แต่สัมผัสได้ว่ามีส่วนผสมของน้ำมันเยอะพอสมควร
     แบรนด์ D มาในหลอดทรงขาวขนาดกำลังดี จับถนัดมือ และฝาแบบเปิดปิด สะดวก ใช้ง่าย ขนาดบรรจุ 60 มิลลิลิตร เนื้อครีมสีขาว ไม่มีกลิ่น บางเบากำลังดี ซึมลงบนผิวได้ทันใจ ไม่ทิ้งคราบขาว ทาเสร็จแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ และทิ้งไว้ซึ่งผิวที่ชุ่มชื้นกำลังดี

     ลองทาครีมกันแดดเสร็จแล้ว ทดสอบด้วยการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งสักครึ่งชั่วโมง ซึ่งด้วยเวลาเท่านี้คงเปรียบเทียบแบบเห็นผลทันตาว่าครีมตัวไหนกันแดดได้ดีกว่ากัน เราจึงใช้ความรู้สึกของผิวเป็นตัววัดว่าครีมตัวไหนทาแล้วดีต่อใจ ให้สัมผัสสบายผิว

     แบรนด์ A แม้จะให้สีที่เนียนสนิทเป็นเนื้อเดียวกับผิวจริง แต่ก็ทิ้งความมันไว้ด้วยเช่นกัน เมื่อเทียบกับ แบรนด์ B ที่ตัวครีมเข้มข้น และเสี่ยงต่อการทำให้ผิวมันเยิ้มอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับไม่มันอย่างที่กังวลไปก่อนล่วงหน้า ส่วนแบรนด์ C นั้นแน่นอนว่ามันเยิ้มออกมาทันที เดาได้ตั้งแต่สัมผัสแรกที่ทาครีมลงบนผิว

     สำหรับแบรนด์ D นั้น ดีตั้งแต่สัมผัสแรกจนถึงประสิทธิภาพในการออกไปซ่าท้าแดด เพราะควบคุมความมันได้ดี ผิวรู้สึกชุ่มชื้นยาวนานเหมือนตอนเริ่มทาครีม และโดยไม่ได้มโน เรารู้สึกว่าผิวนุ่มขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้จริงๆ

     ถึงเวลาต้องเปิดฉลากชิ้นที่ถูกใจที่สุด เราขอเลือกแบรนด์ D เพราะชอบใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวหน้า ที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่กลับมอบความรู้สึกชุ่มชื้นจนสัมผัสได้

     และเมื่อเปิดฉลากออก ปรากฏว่าแบรนด์ที่ได้คะแนนจากเราไปเต็มๆ ก็คือ Physiogel UV Protection SPF 50+ ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวหน้าตัวใหม่ล่าสุดจากฟิสิโอเจล ที่ออกแบบมาสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายเป็นพิเศษ*!!

     Physiogel UV Protection SPF 50+ ครีมกันแดดตัวแรกจากฟิสิโอเจลตัวนี้ เหมาะสำหรับผิวที่ไวต่อแดดมาก โดยใช้เทคโนโลยี Solhydra ที่ไม่เพียงปกป้องผิวจากแสงแดด ด้วยสูตรบรอดสเปคตรัม ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นต้นเหตุของริ้วรอย ปัญหาฝ้ากระ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ แต่ยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง** ยืนยันได้จากผลการศึกษาในห้องปฏิบัติการควบคุม โดยใช้เครื่องวัดความชุ่มชื้นในกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงที่มีผิวแห้งถึงผิวธรรมดา 39 คน (วัย 25-60 ปี) โดย บจก. อัลเลอร์จิซ่า เพสกีซ่า เดอร์มาโต คอสเมติกา ประเทศบราซิล เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2557

     นอกจากนี้ ยังไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี และพาราเบน ล้างทำความสะอาดได้ง่ายไม่ก่อให้เกิดอาการอุดตันอีกด้วย รู้อย่างนี้ เลยยิ่งอยากใช้ฟิสิโอเจล ยูวี โพรเทคชั่นหลังลงครีมบำรุงผิวหน้าทุกวัน แบบไม่ต้องกลัวเปลือง เพราะคุณภาพคุ้มค่าราคา หลอดเดียวให้ปริมาณ 60 มิลลิลิตร ในราคาเพียง 890 บาท ใช้ได้นาน และใช้บ่อยได้เท่าที่ต้องการ

     สำหรับสาวๆที่สนใจสามารถซื้อฟิสิโอเจล ยูวี โพรเทคชั่น SPF50+ มาใช้ได้ ที่ร้าน Boots, Watsons หรือสั่งซื้อออนไลน์ผ่าน Lazadaได้ตาม link http://bit.ly/2iigxOY นี้เลย

*ผิวที่ไวต่อแดดมาก
**จากผลการศึกษาในห้องปฏิบัติการควบคุม โดยใช้เครื่องวัดความชุ่มชื้นในกลุ่มตัวอย่างหญิงที่มีผิวแห้งถึงผิวธรรมดา 39 คน (25-60 ปี) โดย บจก. อัลเลอร์จิซ่า เพสกีซ่า เดอร์มาโต คอสเมติกา ประเทศบราซิล มิ.ย. 2557

[Advertorial]