เตือนภัยสำหรับผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง
ผมเป็นผู้หนึ่งที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้งของธนาคารหลายธนาคาร จึงอยากจะเตือนภัยเพื่อนๆผู้ใช้บริการดังกล่าวให้หมั่นตรวจสอบยอดเงินและเลขบัญชีที่เราบันทึกเอาไว้ว่ายังเป็นเลขบัญชีที่เราต้องการจะโอนเงินจริงและถูกต้องตามความต้องการของเรา มิฉะนั้นท่านอาจจะเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกับผมก็เป็นได้
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 9.20 น. ผมได้เปิดคอมพิวเตอร์ของผมภายในออฟฟิศ ซึ่งเป็นห้องส่วนตัว ไม่มีใครเข้ามาได้ เพื่อที่จะทำรายการโอนเงินให้บุคคลอื่น โดยเข้าไปทำรายการที่เว็บไซต์ของธนาคารตามปกติ โดยมิได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือพบพิรุธบนจอ
ผมทำรายการโอนเงินอยู่สองครั้ง ซึ่งทั้งสองครั้งเป็นการทำรายการไม่สำเร็จ ทำให้เกิดความสงสัย จึงได้ทำการตรวจสอบยอดเงินดูปรากฏว่ายอดเงินของผมหายไป 150,035 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นสามสิบห้าบาทถ้วน) เมื่อผมตรวจสอบดูรายการที่ผมสามารถเช็กเองได้ก็พบว่า
1. มีการทำรายการครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 5.53 น. ซึ่งผมเริ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อเวลาประมาณ 9.20 น.
2. หมายเลขบัญชีบุคคลที่สามที่ผมบันทึกไว้ ถูกเปลี่ยนแปลงโดยที่ผมไม่รู้ และไม่ทราบว่าถูกเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆที่ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลแต่ละครั้งจะต้องแจ้งให้ธนาคารและเจ้าของบัญชีทราบก่อนทุกครั้ง
3. มีรายการโอนเงินไปยังบัญชีปลายทางซึ่งเป็นธนาคารเดียวกับบัญชีของผม หมายเลขบัญชี 262-x-xxxxx-x จำนวนเงิน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) และบัญชีปลายทางซึ่งต่างธนาคารกับบัญชีของผม หมายเลขบัญชี 014-x-xxxxx-x จำนวนเงิน 50,035 บาท (ห้าหมื่นสามสิบห้าบาทถ้วน)
ซึ่งรายการโอนเงินทั้งสองรายการนี้ ผมไม่ได้เป็นผู้ทำรายการเอง และทั้งสองบัญชีที่กล่าวมานั้นก็มีชื่อเจ้าของบัญชีเป็นชื่อเดียวกัน คือนาย xxx xxxxx ซึ่งผมไม่เคยรู้จักและคบค้าสมาคมด้วยเลย
ผมมีคำถามว่าใครเป็นคนทำรายการนี้...
หลังจากที่ตรวจสอบแล้ว ผมจึงได้ติดต่อมาที่ธนาคาร สาขาที่ผมเปิดบัญชีอยู่ และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พนักงานธนาคารฟัง ซึ่งพนักงานได้ติดต่อไปที่สาขาใหญ่ และใช้เวลาการตรวจสอบอยู่ประมาณสามชั่วโมง ซึ่งคาดว่าทางธนาคารจะพบข้อมูลบางอย่าง จึงได้แนะนำให้ผมไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
แต่คุณเชื่อไหมว่าผมพบอะไรที่สน.
ผมพบผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับผม เค้าเป็นลูกค้าธนาคารเดียวกับผม โดนคนคนเดียวกันโอนเงินออกจากบัญชีไปยังบัญชีปลายทางเหมือนที่ผมเจอ แต่ของเค้าโดนที่ยอดเงิน 50,035 บาท (ห้าหมื่นสามสิบห้าบาทถ้วน)
ถึงเวลานี้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย เนื่องจากทำให้ทางธนาคารมองผมว่า ไม่ได้เป็นพวกมิจฉาชีพที่คิดจะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อทวงเงินจากธนาคารแต่อย่างใด
วันนั้นเราคุยกันอยู่นาน คิดและทบทวนเหตุการณ์ที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ แล้วเราก็สงสัยในหลายประเด็น เช่น ระบบป้องกันของธนาคารดีจริงหรือเปล่า พนักงานของธนาคารเองหรือเปล่าที่คิดไม่ซื่อ เพราะพนักงานที่ดูแลระบบนี้สามารถที่จะทราบข้อมูลรวมทั้ง USERNAME และ PASSWORD ของลูกค้าทุกรายที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง
ผมใช้เวลาอยู่ที่สน. จนเกือบ 18.00 น.
สรุปผมเสียเวลาไปหนึ่งวัน โดยที่ได้ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อธนาคารเป็นของแถม และสูญเสียเงินไปอีกแสนกว่าบาท ซึ่งหลังจากวันที่ผมแจ้งความไว้ที่สน.ทุ่งมหาเมฆแล้ว ผมได้ทำจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับ เพื่อแจ้งให้ทางธนาคารรับทราบข้อมูลต่างๆ และขอให้ทำการตรวจสอบบัญชีของผม และบัญชีของนาย xxx อีก ทั้งได้แนบสำเนาใบแจ้งความไว้ให้ด้วย และรอคอยคำตอบจากทางธนาคารว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ซึ่งระหว่างที่รอคำตอบอยู่นั้น ผมก็ได้เช็กข้อมูลกับเพื่อนๆที่ทำงานด้านการเงิน การธนาคาร ปรากฏว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่โดน แต่ยังมีลูกค้าของธนาคารอีกหลายคนที่โดนแบบเดียวกับผม แต่ทางธนาคารคงจะปิดข่าวไว้
ส่วนเงินของผมที่โอนไปยังบัญชีปลายทาง ทั้งสองธนาคาร ได้ถูกถอนโดยการกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม และไม่เพียงเท่านั้น การกดเงินที่พูดถึงนี้เป็นการกดเงินที่ต่างประเทศครับ โดยตรวจสอบแน่ชัดแล้วด้วยว่า บัญชีปลายทางอยู่ที่เมืองไทย แต่ไปกดไกลถึงประเทศรัสเซียครับ
ทางธนาคารหลังจากที่ตรวจสอบบัญชีของผมและบัญชีของนาย xxx แล้ว ก็ทราบเรื่องทุกอย่าง อีกทั้งนาย xxx เจ้าของบัญชีปลายทางที่ถูกธนาคารล็อกบัญชีไว้ก็ไม่กล้าติดต่อหรือท้วงติงอะไรกับทางธนาคาร จึงน่าที่จะเชื่อได้ว่าเป็นพวกมิจฉาชีพที่ลักลอบเข้ามาล้วงระบบของธนาคารและเข้ามาทำรายการได้ หรืออาจจะรู้เห็นกับพนักงานของธนาคารเองก็ได้
ผมพยายามทวงถามมายังธนาคารแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ได้แต่บอกว่ากำลังตรวจสอบอยู่ รอผลจากผู้ใหญ่ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจแล้ว แต่ทำไมธนาคารไม่ยอมคืนเงินให้ผม หรือมันเป็นเพียงเศษเงินสำหรับธนาคาร แต่สำหรับผมมันเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ต้องใช้หมุนเวียนในธุรกิจของผม ทุกวันนี้ผมเดือดร้อนมาก ฉะนั้นขอให้ช่วยผมด้วยครับ
ผู้หญิงมีเรื่องอีกเยอะ.. ดูต่อ