เตือนภัยแก๊งลักพาตัวสาวๆ ระวัง!!

เตือนภัยแก๊งลักพาตัวสาวๆ ระวัง!!

เตือนภัยแก๊งลักพาตัวสาวๆ ระวัง!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ซอยสุขุมวิท22 ซอยสายน้ำผึ้ง เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ของคืนนี้ ฉันได้เดินลงมาจากอพาร์ตเมนต์ในซอยสุขุมวิท 22 เพื่อลงมาหาข้าวทาน ซึ่งที่ผ่านมาปกติก็ไม่เคยเกิดปัญหาอะไร สภาพการจราจรในตอนนั้น รถที่มุ่งหน้าไปทางต้นซอยสุขุมวิทจะติดมากจนขยับไม่ได้ เนื่องจากมีรถบัสของทางโรงแรมที่อยู่ในซอยกำลังเข้าออกอยู่ในเวลานั้น

ดิฉันเดินผ่านร้านคาราโอเกะ ซึ่งมีสาวคาราโอเกะ นั่งอยู่สองคน หนึ่งในนั้นได้ตะโกนบอกยามฝั่งตรงข้ามว่า... "ยามๆช่วยดูรถทะเบียน ณ xxx8ที มีเสียงคนร้องให้ช่วยอยู่ในรถ" ฉันได้ยินแล้วก็มองตามไปที่รถคันดังกล่าว ก็พบว่ามีคนขับเป็นผู้ชาย แล้วก็มีคนนั่งข้างสองคนพยายามแซวฉันอยู่ แต่ฉันไม่ได้สนใจอะไร และก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น

ในใจตอนนั้นคิดว่าสาวคาราโอกะคงจะคิดไปเองมากกว่า แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะคนในรถพยายามแซวอยู่ ฉันจึงเดินหนีผ่านไปทางหน้าโรงแรม

พอรถหายติด ฉันนึกยังไงไม่ทราบ คืออยากรอให้รถคันนี้ผ่านไปก่อน เพราะทุกทีฉันไม่ชอบให้อะไรที่ไม่น่าไว้ใจตามมาข้างหลัง ในใจก็คิดว่าเสียเวลารอให้มันผ่านไปก่อนดีกว่า ฉันจึงเดินข้ามถนนไปหยุดยืนให้รถผ่านไปก่อน ซึ่งในเวลานั้นฉันมีกระเป๋าสตางค์ติดตัวหนึ่งใบ และมีดพับอเนกประสงค์ ซึ่งปกติก็ไม่เคยพก แต่วันนั้นไม่รู้ทำไม อยู่ๆก็อยากจะพกลงมาด้วย ส่วนมือถือกลับไม่ได้นำติดตัวลงมา เพราะคิดว่าจะออกไปแค่หน้าปากซอยแป๊ปเดียวก็กลับ

ทันใดนั้นรถป้ายทะเบียน ณxxx8 สีขาวตอนเดียว แต่มีแคปทึบสีขาวมีสติ๊กเกอร์รูปผู้ชายอยู่ตรงประตูแคปด้านหลัง ก็ได้ผ่านหน้าฉันไป ซึ่งฉันสังเกตเห็นชัดเจนว่าพวกมันมองฉันอยู่ แล้วอยู่ๆมันก็จอดรถเลยถัดๆไปตรงหน้าโรงแรมอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถจอดรถได้นาน

ฉันมองเห็นแค่ว่ามีคนขับและคนนั่งข้างคนขับเดินลงมาจากรถ แล้วประตูแคปหลังก็เปิดออก พร้อมมีผู้ชายอีกสองคนออกมาจากรถ ที่น่าตกใจก็คือสิ่งที่ฉันเห็นภายในรถสีขาวสะอาดตาคันนั้นคือคนนั่งก้มหน้าหรือนอนพับ เห็นเป็นหัวๆไม่ต่ำกว่าห้าหัว ซึ่งไม่รวมผู้ชายสองคนที่เพิ่งออกจากรถ

หัวคนที่เห็นในรถฉันไม่สามารถระบุเพศได้ แต่มั่นใจว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเสียงร้องที่สาวคาราโอเกะได้ยินแน่ๆ พวกมันทั้งสี่มองมาที่ฉันแล้วพยักพเยิดให้หนึ่งในนั้นเดินมาทางฉัน

ตอนนั้นฉันอยู่ฟากเดียวกับรถของพวกมัน จึงรีบออกเดินข้ามถนนไปฟากฝั่งตรงข้าม ที่มีร้านผลไม้สองร้านเปิดอยู่ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณสามห้องแถว ซึ่งตอนนั้นมีอยู่แค่สองร้านจริงๆที่เปิดขายของอยู่ นอกนั้นปิดหมดแล้ว

ฉันเลือกร้านผลไม้ที่สองซึ่งอยู่ใกล้รถพวกมันมากกว่า แต่สว่างกว่า และในขณะนั้นมีคนมาซื้อมากกว่าอีกร้านนึงด้วย ผู้ชายที่ตั้งใจเดินมาหาฉัน เปลี่ยนใจเดินข้ามฟากเช่นกัน ในเวลานั้นฉันคิดถึงเมล์ของเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนเดียวที่ฉันรับเมล์ประจำ เมล์แต่ละฉบับที่ได้รับมักเป็นเรื่องของการมอมยาสลบหรือลักพาตัวเสมอ เนื้อหาทุกอย่างที่เคยอ่านไหลเข้าสมอง

ฉันเริ่มกางมีดแล้วสอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้น แล้วหยุดยืนอยู่หน้าร้านผลไม้ร้านที่สอง ในใจคิดว่าต้องพยายามดูให้ดีๆ ว่ามันมีอะไรในมือบ้าง ซึ่งในใจฉันคิดว่ามันจะต้องมีผ้ามาโปะยาสลบเหมือนที่เคยอ่านเจอในเมล์แน่ๆแล้วก็เป็นจริงตามนั้นค่ะ สิ่งที่ฉันเห็นคือ ชายสามคนที่ยืนอยู่ข้างรถ กำลังเจรจาอะไรสักอย่างกับยามของโรงแรม ส่วนอีกคนหนึ่งมันกำลังเดินข้ามฟากมาหาฉัน

การแต่งตัวของพวกมันทั้งสี่คือใส่เสื้อยืดดำล้วนกับกางเกงยีนส์ ส่วนคนที่กำลังเดินเข้ามาหาฉันนั้นสะพายกระเป๋าเป้สีขาว ที่น่าตกใจก็คือที่ข้อมือซ้ายของมันมีกระดาษตัดขอบเรียบสีขาว มันมองฉันไม่วางตา ฉันเองก็มองมันไม่วางตาเหมือนกัน

มันหยุดอยู่ที่ร้านผลไม้ ทำทีเป็นเลือกผลไม้ แต่สายตามันไม่ละไปจากตัวฉันเลย หน้าตามันสกปรกมอมแมมมากๆอายุราวยี่สิบต้นๆ พอมันเดินเข้ามาใกล้ฉันไม่ถึงหนึ่งเมตร ฉันเริ่มขยับมีด ในใจคิดว่าจะเสียบหน้ามันก่อน ไม่รอให้มันขยับแขนก่อนแน่นอน

โชคดีที่มันเดินผ่านฉันไปทางร้านผลไม้ร้านที่หนึ่ง ส่วนฉันเองก็เดินถอยหลังเข้าร้านผลไม้ร้านที่สอง ขอย้ำว่าเดินถอยหลังนะคะ เพราะฉันต้องการมองเห็นมันตลอดเวลา จึงไม่กล้าหันหลังให้มัน

ฉันทำทีเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านผู้หญิงว่าขอซื้อน้ำ พร้อมกับขอโทรศัพท์ ซึ่งในขณะนั้นมีแค่ลูกค้าสองคน กับลูกชายที่ยังหนุ่มของเจ้าของร้าน แล้วก็เจ้าของร้านผู้หญิงเท่านั้นเอง ซึ่งเจ้าของร้านและลูกชายพยายามไล่ให้ฉันออกไปใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่อยู่ถัดไปไม่กี่ก้าว แต่ฉันไม่ยอมออกไปแน่ๆเพราะตู้มันเปลี่ยว และฉันก็ไม่อยากออกไปนอกร้านด้วย พยายามอธิบายให้เจ้าของร้านฟังยังไงก็ไม่ยอมเข้าใจ จึงตะคอกไปว่าจะจ่ายให้ร้อยนึงก็ได้ เพราะมีคนตามมาอยู่ ถ้าไม่เชื่อก็ให้ออกไปดูหน้าร้าน

ผู้ชายคนนั้นมันเดินกลับมาที่ร้านอีกทีพร้อมกับน้ำสองขวดที่ซื้อมาจากอีกร้านหนึ่ง ซึ่งถ้านึกถึงความเป็นจริงแล้วทำไมมันไม่ซื้อร้านที่อยู่ใกล้กว่า ไปซื้อร้านที่อยู่ไกลกว่าทำไม มันมองมาที่ฉันอีกครั้ง โชคดีที่เพื่อนมันเรียกให้รีบกลับไป เพราะยามหน้าโรงแรมไม่ยอมให้จอดนาน พร้อมกับเจ้าของร้านซึ่งเห็นว่ามีคนดักรอฉันจริง จึงยอมให้ใช้โทรศัพท์

ฉันโทร.เรียกแฟนให้ออกมารับ ขอบอกว่าฉันไม่ยอมออกหน้าร้านจริงๆ พอแฟนฉันมาถึงก็เล่าเหตุการณ์ให้เขาฟัง พร้อมเดินกลับไปถามสาวคาราโอเกะคนที่ตะโกนว่าได้ยินเสียงร้องว่าเกิดอะไรขึ้น

สาวคาราโอเกะบอกว่าได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วยดังมาจากในรถ ก็เลยโทร.ไปแจ้งตำรวจ 191 ฉันก็เล่าเหตุการณ์ให้สาวคาราโอเกะและตำรวจที่เพิ่งมาถึงฟัง โชคดีจริงๆที่วันนั้นไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับฉัน แต่ก็อยากเตือนให้ทุกคนระวังเอาไว้ เพราะเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับใครอีกก็ได้


ผู้หญิงมีเรื่องอีกเยอะ.. ดูต่อ

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook