10 วิธีอยู่กับแฟนหนุ่มที่เป็น โรคซึมเศร้า ด้วยความรัก และกำลังใจที่งดงาม
สวัสดีค่ะ สาวๆ SistaCafe ทุกคนเราเชื่อว่า หลายๆ คนที่เปิดอ่านบทความนี้ เพราะพ่อหนุ่มคนรู้ใจข้างๆ ตัว กำลังทนทุกข์กับภัยเงียบที่กำลังแพร่หลายมากขึ้นในสังคมคนเมืองอย่าง "โรคซึมเศร้า" โรคที่คนนอกอาจไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวเป็น และแก้ไขเองไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับสารเคมีในสมอง ดิ่งเป็นบางเวลา ถ้าเจอคนภายนอกก็ยังยิ้ม ยังหัวเราะได้ตามปกติ มารู้ตัวอีกทีก็เกิดเรื่องเศร้าเสียแล้ว เป็นใคร ก็ไม่อยากให้เกิดโรคนี้กับคนรักกันทั้งนั้นแหละนะ
แต่รู้ไหมว่า! แฟนหนุ่มที่เป็นโรคซึมเศร้า ไม่ได้ส่งผลอันตรายกับความสัมพันธ์ ถึงขั้นต้องเลิกรา ห่างหายกันไปทุกคู่อย่างที่สาวๆ คิด หากตรวจเจอทัน เธอสามารถรับมือ และช่วยเป็นกำลังใจ เยียวยาเขาด้วยความรัก ให้แฟนหนุ่มกลับมาสตรองขึ้นได้ค่ะ!สาวๆ บางคนมีพื้นฐานครอบครัว ชีวิตที่ดี นึกไม่ออกว่าโรคนี้เป็นยังไง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้น หรือเรียกง่ายๆ คือไม่อิน ( relate ) แน่นอนว่าเธอจะไม่เข้าใจ และอาจหมดความอดทนได้ง่ายๆ เรียกว่าการดูแลคนเป็นโรคนี้ เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่เลยล่ะ! มันไม่ง่ายหรอก แต่มันก็ไม่ยากเกินไป เพราะที่จริง หนุ่มๆ เขาก็ลำบากใจ ในการทนทุกข์กับโรคนี้ แต่ก็ไม่อยากให้เธอเสียใจ ก็ไม่อยากเลิกน่ะแหละ
ผมก็ไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้หรอกนะครับ #depressedboyfriend เพราะเหตุนี้ อาชีพนักแสดงส่วนใหญ่จึงลงเอยกันเอง ไม่ใช่เพราะพวกเขาอยู่ในวงสังคมเดียวกัน เจอหน้ากันบ่อยหรอกนะ แต่เขา "อิน" เขาเข้าใจในชีวิตการทำงานของฝ่ายตรงข้าม ที่หลายอย่างคนนอกไม่เข้าใจถ้าไม่เคยมาสัมผัส บางคนไปเดทกับคนนอกวงการ พูดกันไม่รู้เรื่อง ก็ต้องกลับมาคบกับคนในเหมือนเดิมที่ยกตัวอย่างมา ก็หมายถึงสาวๆ ที่อยู่วงนอก ไม่เคยผิดหวัง ไม่เคยเสียใจหนักๆ จึงไม่ "อิน" ในโรคซึมเศร้านั่นเองค่ะ
ถ้าไม่เคยเจอก็ไม่มีทางรู้ ว่าเขารู้สึกอย่างไร อ่านตำรา บทความกี่ร้อยแผ่นก็ไม่เท่าเป็นเอง จริงไหมล่ะ? ซึ่งถ้าเธอไม่พยายามเข้าใจ ก็เป็นไปได้สูงที่ชีวิตรักจะพังลงได้ง่ายๆ แล้วจะทำยังไง ?? ให้ผ่านโรคนี้ไปได้ด้วยกันล่ะ ? แน่นอนว่า สาวๆ ทำได้! หากทั้งสองฝ่ายพยายามมากพอ ไม่มีฝ่ายไหนหมดรักไปเสียก่อน ความสัมพันธ์จะยืนยาวแน่นอน ด้วย 10 วิธีที่เราจะมาแนะนำ รับรองว่าสาวๆ จะเข้าใจในความเป็นเขา เข้าใจโรคนี้ และผูกพันกันมากขึ้น มาเก็บทริคเอาไปใช้กันได้เลยค่ะ
1. ทริคนี้ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไปหาหมอ และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Depression ( โรคซึมเศร้า ) และต้องทำการรักษา กินยาอย่างต่อเนื่องแล้วเท่านั้น
2. เช็คให้แน่ใจว่าสุขภาพใจของเธอแข็งแรงพอจะลุยกับโรคซึมเศร้านะคะ ถ้าเธอก็มีภาวะเสี่ยง จับมือกันไปหาหมอดีกว่า ถ้าลุยเอง เสี่ยงจะทิ้งดิ่งพร้อมกันทั้งคู่มากๆ เตือนด้วยความหวังดีเน้อ
1 พูดคุยกับเขาสิ
โรคนี้ต้องอย่าปล่อยให้เขาดิ่งนะคะซิส! จะทำเมิน ทำเฉย อิ๊กนอร์ เหมือนรอให้เขาโกรธแล้วหายเอง แบบนี้ไม่ได้! โรคซึมเศร้าเป็นสิ่งที่แฟนหนุ่มต้องเผชิญในทุกๆ วัน บางรายต้องใจแข็งมากที่จะไม่ฆ่าตัวตาย ดังนั้นเธอก็ต้องฝ่าฟันไปกับเขา โดยเริ่มจาก จับเข่าคุยกันเลยว่า อะไรคือสาเหตุที่เขาเป็นแบบนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะสอบสวน หาสถานที่สบายๆ บรรยากาศสงบๆ ปล่อยให้เขาเล่าว่าต้นเหตุคืออะไร เป็นมากี่ปีแล้ว สิ่งไหนที่กระตุ้นเขา ทำให้รู้สึกแย่มากขึ้น อะไรก็ว่าไป *เมื่อรู้ข้อมูลเบื้องต้นของผู้ป่วย สาวๆ จะเข้าใจว่าเขากำลังเจออะไร และเราควรทำยังไงต่อค่ะ*
2 อย่า! บอกกับเขาว่า "ฉันเข้าใจทุกอย่างแหละ"
ถ้าเธอไม่เคยเข้ารับการรักษา ไม่เคยเป็นโรคซึมเศร้า ( หรืือถึงเป็นก็ไม่ควร เพราะแต่ละคนก็ป่วยจากปัจจัยต่างกัน ) อย่าพยายามบอกแฟนว่า "เราเข้าใจเธอนะ" ทั้งที่เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว เขาจะยิ่งรู้สึกแย่ ตั้งคำถามว่าเธอเข้าใจจริงๆ เหรอ และอาจจะอารมณ์ดิ่งลงไปกว่าเดิมก็เป็นได้ถ้ารู้ตัวว่าไม่เข้าใจ ไม่อิน ก็ไม่ต้องพยายามเข้าใจก็ได้ค่ะ อยู่ข้างๆ เขา คอยปลอบเวลาเขาดิ่ง เขาดาวน์ก็พอ ทำให้เขารู้ว่าเรายังอยู่ตรงนี้ ยิ่งแฟนที่ึคบกันมานาน เขาย่อมดูออกว่าเธอเข้าใจจริงๆ หรือเธอแกล้งเข้าใจ บอกเขาในสิ่งที่รู้สึกจริงๆ ดีกว่านะ
3 ถามเขาว่า "อยากได้อะไรไหม"
ไม่ต้องไปสรรหา ไปเดาว่าเขาต้องการอะไร แล้วยื่นให้ทั้งที่เขาไม่อยากได้ ผู้ป่วยบางคนเนี่ย เราไม่รู้เลยว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ จนกว่าเขาจะบอกเธอนั่นแหละ! ถ้าเขาเงียบไปจนเราเริ่มใจไม่ดี ถามไปเลยว่า "อยากได้อะไรไหม" ( บางทีเขาก็ไม่กล้าพูดเอง รอให้เธอถามก่อน )ในที่นี้ สิ่งที่เขาต้องการ ต้องเป็นสิ่งที่เธอทำได้จริงๆ อาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เช่น พาไปเล่นเกม, พาไปออกกำลังกาย, พาไปกินขนมอร่อยๆ เมื่อเขารู้สึกไว้ใจเธอมากขึ้น เมื่อเขาดิ่งอีก เขาจะกล้าเปิดใจกับเธอ โดยไม่ไปอยู่ในมุมมืดคนเดียวอีก สู้ๆ นะคะซิส!
4 อดทนเข้าไว้นะ!
ในบางเคส ( หรือหลายๆ เคส ) โรคซึมเศร้าก็ยากต่อการรับมือ! ยิ่งถ้าเธอไม่เคยรู้จัก หรือมีคนในครอบครัวเป็นมาก่อนล่ะก็...เธอไม่รู้เลยว่าเขาเจอกับอะไรอยู่ ทำไมเขาดูเหมือนมีความสุข แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมากลับร้องไห้จะเป็นจะตาย เธออาจสับสน ไม่เข้าใจ ไม่แน่ใจ หรืออาจจะรู้สึกแย่ตามเขาไปเลยก็ได้ ถ้าใจไม่แข๋็งพอ!สิ่งที่ทำได้คือ อดทนเข้าไว้ค่ะ! อย่าโมโห โกรธ ด่าหรือขึ้นเสียงใส่เขาแรงๆ เมิื่อเขาทำอะไรไม่ถูกใจ จำไว้ว่าเขาป่วยอยู่ เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ดูแลให้เขากินยาของหมอให้ตรงเวลาไปก่อนเนอะ
5 ทำให้แน่ใจว่า เขาได้รับความช่วยเหลือ "ที่เขาอยากได้" จริงๆ
โรคซึมเศร้าบางเคส ก็รุนแรงกว่าเคสอื่นๆ มาก ถ้าแฟนหนุ่มของเธอเป็นประเภททำร้ายตัวเองบ่อยๆ มีความพยายามฆ่าตัวตายขั้นรุนแรง เขาต้องได้รับยาทางการแพทย์ ( อาจจะตัวเดียวหรือหลายตัว ) ให้เขาใช้ชีวิตได้ตามปกติ หรืออาจต้องแอดมิตเข้าโรงพยาบาลเลยก็มี #ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะตัวเธอถ้าแฟนเป็นถึงขั้นนั้นจริงๆ แนะนำให้ไปหานักบำบัดโดยเฉพาะ ( therapist ) จะดีกว่า หรือคนที่มีอิทธิพลกับเขา เช่น พ่อแม่ ครู เพื่อนสนิท ที่ช่วยทำให้เขาผ่านโรคนี้ไปได้ แต่ดูให้ดีว่าเขาได้รับการช่วยเหลือที่ "เขาต้องการ" จริงๆ ระวังพฤติกรรมที่เปลี่ยนปุบปับ จากดีๆ อยู่กลับมาซึม หรือจากซึมกลับมาร่าเริงเกินเหตุ อันตรายมาก เพราะแปลว่าเขาอาจไม่ยอมกินยา หรือกำลังคิดอะไรบางอย่าง ที่น่ากลัวเกินกว่าสาวๆ จะคาดเดาอย่างไรก็ตาม! นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเธอ 100% ถ้ารับมือไม่ไหว ก็พาไปหาหมอเถอะ ให้เขารักษากับผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะอย่างถูกต้อง จะดีที่สุด
6 คอยสนับสนุน ให้กำลังใจ คอย Cheer Up! เขาอยู่เสมอ
บางครั้ง ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า ' กำลังใจ ' หรือการซัพพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ เขาอยากรู้ว่า เขาไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีเธออยู่ข้างๆ เสมอ แม้ว่าเขาจะซึม จะดาวน์โดยไม่รู้ตัวตอนไหนก็ตาม ดังนั้น จงเป็นกองเชียร์และคอยเกื้อหนุนให้เขาผ่านช่วงเวลาร้ายๆ ในชีวิตไปให้ได้ค่ะถ้าเขาเป็นด้านลบ เราจงเป็นด้านบวก! ไม่ได้บอกให้โลกสวย แต่พยายามหาข้อดีในทุกสถานการณ์ แล้วเป็นแรงพลังบวกให้เขายิ้มได้ ให้ความช่วยเหลือได้ทุกครั้งที่เขาต้องการ ยิ่งเธอช่วยได้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสบายใจที่จะอยู่กับเธอ และบรรเทาอาการโรคนี้ได้ยิ่งขึ้นเท่านั้น #งื้อโรแมนติกจัง
7 อย่าเสนอ "หนทางแก้ไข" อะไรให้เขาส่งเดช
เอาตรงๆ คือมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ ที่จะหาหนทางแก้ไขให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แม้คนคนนั้นจะเป็นแฟนของเธอเองก็ตาม! ไม่ว่าจะไปสรรหายาขนานต่างๆ หรือไล่ให้ไปทำกิจกรรมนั่นนี่ บางคนอาจทำแล้วดีขึ้น แต่ที่จริง เขารู้อยู่แล้วว่าเขาควรทำอะไร เพียงแต่เขาทำแล้วไม่ดีขึ้น เพราะเขาป่วยอยู่ยังไงล่ะยิ่งเธอพยายามเจ้ากี้เจ้าการ เสนอสิ่งที่เขาไม่อยากทำ แฟนจะยิ่งคิดว่า สาวๆ พยายามจะ "ซ่อม" เขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด ไร้ค่า เหมือนตุ๊กตาพังๆ ซึ่งสำหรับคนเป็นโรคนี้ อาจทำให้เขาคิดสั้นได้ง่ายๆ เลยนะ ทางที่ดี จงฟังเขา อย่าบงการเขา จะดีที่สุดค่ะ!
8 อย่าพยายามทำให้โรคนี้ ดูเป็น "เรื่องใหญ่" เกินไป
เอาล่ะ เราเข้าใจว่าตอนนี้คนกำลังตื่นตัวเรื่องโรคซึมเศร้ากันเป็นพิเศษ แต่เธอก็ต้องรู้ด้วยว่า โรคนี้ไม่ได้เป็นทุกอย่างในชีวิตเธอ การมีแฟนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ใช่ภารกิจที่เธอต้องสแตนด์บาย 24 ชั่วโมงนะคะซิส! เธอสามารถไปเที่ยว ไปกรี๊ดดารา ไปทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ไม่ต้องนั่งหม่น นั่งซึมกับเขาตลอดเวลาหรอก ( เชื่อว่าเขาก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน )ที่สำคัญ โรคนี้เป็น "โรค" ค่ะ ไม่ใช่ลักษณะนิสัย การป่วยเป็น Depression ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยคนดีให้เลว ( หากเป็นอุบัติเหตุกระทบกระเทือนสมองรุนแรง จนส่งผลทางร่างกายถาวร ก็อีกเรื่องนึง ) หรือลดคุณค่า ความสามารถในตัวคนคนหนึ่งได้เลย ถ้าเธอเลือกเขาเพราะเขาเป็นคนดี คนเก่ง ถึงเขาป่วยเขาก็ยังเป็นคนดีและเก่งเหมือนเดิม แค่เขาจะมีฟีลหม่นแบบควบคุมไม่ได้บางเวลาเท่านั้นเอง ดังนั้น อย่าทำให้เรื่องนี้ กระทบต่อความสัมพันธ์เลยนะคะ
9 ทำให้เขาแน่ใจว่า "เธอยังรักเขาอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นโรคนี้"
ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามนะคะซิส ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ความรักก็ยังคงงดงาม หากจับมือกันแน่นพอ ความรักนี่แหละจะชนะได้ทุกสิ่ง! การที่แฟนหนุ่มเป็นโรคซึมเศร้า อาจทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง หวาดระแวง ( ฝรั่งเรียกว่า insecure ) ว่าเขาเป็นแบบนี้ เธอจะรักเขาน้อยลงไหม? เธอจะทิ้งเขาไปหรือเปล่า? ดังนั้นจงทำให้เขารู้ว่า เธอยังรักเขาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม #ยังรักนะจุ๊บ ทำให้เขารู้ว่า เธอยังรู้สึกกับเขา รักเขาเหมือนตอนที่เขายังไม่ป่วย เพราะเธอรักเขาที่ตัวตน ที่นิสัยของเขา จะไม่ทิ้งไปในยามลำบากแน่นอน หนุ่มๆ จะรู้สึกมั่นคงและ "สตรอง" ขึ้นมากเลยล่ะค่ะ
10 ยอมรับว่า "โรคซึมเศร้า" คือส่วนหนึ่งของเขา
สำหรับสาวๆ ที่ไม่เข้าใจ เราขออธิบายก่อนว่า โรคซึมเศร้าเนี่ย ไม่ใช่ไข้หวัด ไข้เลือดออก แขนหัก ขาหัก ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกล้วนๆ แต่เป็นโรคที่มีภาวะจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้อง หลายๆ คนเป็นโรคนี้เพราะแรงกดดันจากครอบครัว สภาพแวดล้อมในวัยเด็ก และอื่นๆ หล่อหลอมมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคในที่สุด พูดง่ายๆ ว่า โรคนี้ ก็เป็นผลลัพธ์มาจากชีวิตวัยเด็กของเขา เป็นตัวตนส่วนหนึ่งของเขานั่นเองดังนั้น ในการรักษา สาวๆ ต้องเข้าใจ ยอมรับว่าโรคซึมเศร้ามีต้นเหตุจาก "จิตใจ" เป็นส่วนหนึ่งของคนคนนั้น และอาจจะอยู่ติดตัวเขาไปตลอดชีวิต แม้จะรักษาจนดีขึ้นมากแล้ว หากเจอแรงกระตุ้นก็อาจกลับมาเป็นอีกได้ ไม่หายขาด ถ้าเธอรับได้ก็เป็นเรื่องดี อยู่กันยาว แต่ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เธอรับไม่ไหว อยากถอย ก็เป็นสิทธิ์ของเธอที่จะตัดสินใจแล้วล่ะค่ะ ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่
และนี่ก็คือ 10 วิธีในการรับมือ ให้กำลังใจ เยียวยาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าด้วย "ความรัก" แบบแฟนสาว ที่จริงการอยู่กับโรคนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น! แค่ต้องใช้พื้นฐานความเข้าใจ ใส่ใจ และอดทน ( อันนี้สำคัญ ไม่อย่างนั้นรักจะไปไม่รอดนะเออ ) เริ่มจากการนั่งคุยเปิดใจกันก่อน ว่าเขาป่วยระดับรุนแรงแค่ไหน เป็นมานานแค่ไหน สาเหตุมาจากอะไร แล้วค่อยๆ รักษา อยู่เคียงข้างเขาอย่างระมัดระวัง อย่าลืมใส่ความรักเข้าไปเยอะๆ และกำลังใจ ว่ารักของเราจะไม่เปลี่ยนแปลง
เราเชื่อว่าเขาจะค่อยๆ ดีขึ้น และพร้อมจะก้าวเดินไปกับเธอได้อย่างมีความสุขแน่นอนค่ะ ขอให้สาวๆ ทุกคนโชคดีนะคะ เราเป็นกำลังใจให้ :) วันนี้ขอตัวลาไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่ะ
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ