การมองเห็นผิดปกติขณะตั้งครรภ์ สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม !
เมื่อมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น คุณแม่มักจะต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากช่วงนี้จะเกิดปัญหาสุขภาพแทรกซ้อนได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งจะเป็นอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ จึงอาจทำให้คุณแม่บางคนเกิดความเครียดจนมีผลกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะดวงตาที่อาจมองเห็นได้ไม่เป็นปกติ เราจึงได้รวบรวมเรื่องของความผิดปกติเกี่ยวกับการตั้งครรภ์มาให้คุณแม่มือใหม่ได้อ่านกัน เพื่อใครที่กำลังมีปัญหานี้อยู่จะได้รู้วิธีรักษาอย่างถูกต้อง
อาการมองเห็นผิดปกติขณะตั้งครรภ์ เป็นอย่างไร?
สำหรับคนท้องที่กำลังสงสัยว่า ตัวเองมีปัญหาเกี่ยวกับสายตาหรือไม่ ก็ลองพิจารณาจากอาการต่อไปนี้
มองเห็นสีไม่ชัดเจนเหมือนเดิม บางคนอาจถึงขั้นตาบอดสี เห็นสีหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีหนึ่ง ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ กรณีที่คนท้องต้องเดินทางด้วยการขับรถเอง
มีอาการตาพร่ามัวผิดปกติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาเรื่องของสายตามาก่อน ทดสอบได้ด้วยการปิดตาไว้ข้างหนึ่งแล้วมองไปข้างหน้า หากไม่พบความผิดปกติ ก็ให้สลับมาลองทำอีกข้าง
สัดส่วนของภาพผิดจากที่เคยเห็น บางครั้งอาจเห็นของชิ้นใหญ่มีขนาดเล็กลง และเห็นของชิ้นเล็กมีขนาดใหญ่ขึ้น ในส่วนนี้ต้องสังเกตเอาเอง
รักษาอย่างไร ?
หากคนท้องได้พิจารณาแล้วว่า ตัวเองมีความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็นจริง ๆ ก็อย่าพึ่งตื่นตระหนกตกใจ เพราะอาจส่งผลให้เครียด และกระทบกับการมองเห็นมากกว่าเดิม เนื่องจากโรคนี้สามารถหายได้เองหลังจากที่คลอดลูกไปแล้ว ถ้าไม่หายแพทย์จึงจะทำการตรวจดวงตาอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีความผิดปกติแทรกซ้อนหรือไม่ หากอาการไม่รุนแรงจริง ๆ แพทย์ก็จะไม่ทำการรักษาก่อนที่เด็กจะคลอดออกมาอย่างแน่นอน
อาการมากแค่ไหนถึงต้องรีบไปพบแพทย์ ?
หากผู้ตั้งครรภ์เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น (ต้องแน่ใจว่าผิดปกติจริง ๆ) หรือพบว่าตัวเองมีอาการเจ็บตา ตาแดง ก็สามารถเดินทางไปพบแพทย์ได้เลย อย่าไปซื้อยามาทานเอง หรือซื้อยามาหยอดเองโดยเด็ดขาด เพราะยาเหล่านี้จะมีปลกระทบกับเด็กในท้อง ที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็กได้
ความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็นขณะตั้งครรภ์ มักจะมีความสัมพันธ์กับความเครียดมากกว่าปัจจัยอื่น ๆ เพราะฉะนั้นคุณแม่จึงควรทำใจให้สบาย ๆ ใช้ชีวิตตามปกติ พยายามดูแลตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และออกกำลังกายเบา ๆ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ได้แล้ว และถ้าหากเกิดความผิดปกติก็ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป