อย่าชะล่าใจ ความดันโลหิตสูงอันตรายกว่าที่คิด
โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบผู้ป่วยในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่เป็นมากถึง 1.6 ล้านคน ซึ่งก็ทำให้แพทย์และพยาบาลรู้สึกหนักใจอยู่พอสมควร เนื่องจากบางครั้งการที่ผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็เกิดจากการมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ตั้งแต่ยังแข็งแรงอยู่ เช่น การทานอาหารที่มีรสเค็ม การสูบบุหรี่ หรือการทานอาหารทอด เป็นต้น เมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้วก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายแรงตามมากอีกมากมายดังต่อไปนี้
โรคเกี่ยวกับสมอง
การเป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็มีความอันตรายไม่แพ้โรคหัวใจ คือหลอดเลือดจะมีการอุดตัน หรือตีบจากปริมาณไขมันที่เกาะอยู่ภายใน เมื่อความดันของเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติ ก็จะทำให้หลอดเลือดแตก เป็นเหตุให้มีเลือดไหลสมอง ส่งผลให้ผู้ป่วยกลายเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ชัก ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง ยิ่งถ้าหากไม่รีบพาไปโรงพยาบาลทันที ก็มีโอกาสที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตได้สูง
โรคเกี่ยวกับหัวใจ
เมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูง จะเกิดผลกระทบกับหัวใจ คือหลอดเลือดหัวใจมีความหนาและความแข็งตัวมากกว่าเดิม เนื่องจากหลอดเลือดบางส่วนมีการอุดตันจากไขมัน ส่งผลให้หัวใจขาดเลือดและมีภาวะหัวใจวายแบบเฉียบพลันได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกล้ามเนื้อหัวใจโตผิดปกติ ซึ่งก็จะส่งผลให้การทำงานของหัวใจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเหตุให้ผู้ป่วยเจ็บหน้าอก ใจสั่น ช็อก ไปจนถึงขั้นเสียชีวิต
โรคเกี่ยวกับไต
ยิ่งความดันโลหิตสูงมากเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อไตมากเท่านั้น เพราะเลือดจะไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงที่ไตได้ ทำให้ไตทำงานได้ไม่ดี และอาจเป็นเหตุให้เกิดภาวะไตวาย ที่มีค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง และต้องมีการฟอกไตเป็นประจำทุกเกือบทุกวัน
โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด
เมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูง หลอดเลือดที่อยู่ตามร่างกายก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง บางหลอดเลือดอาจจะมีการตีบตันไป (กรณีนี้จะทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะในส่วนที่มีการตีบตันได้ เป็นเหตุให้เซลล์อวัยวะตาย และไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ) ขณะเดียวกัน บางหลอดเลือดก็อาจมีลักษณะใหญ่โป่งพองรอวันแตกซึ่งก็เป็นอันตรายต่อร่างกายไม่แพ้กับการตีบตันของหลอดเลือดเลย
ใครที่มีความเสี่ยงว่าตัวเองจะเป็นโรคความดันสูง (140/90 mg./dl.ขึ้นไป) ก็ขอให้พยายามดูแลตัวเองให้เยอะ ๆ หันมาออกกำลังกายและพยายามควรคุมความดันไม่ให้สูงไปกว่านี้ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมา ส่วนใครที่ยังไม่เป็น ก็หมั่นตรวจสุขภาพตัวเองเป็นประจำ จะได้ประเมินการเจ็บป่วยของตัวเองได้