ไขข้อข้องใจ ลูกได้รับอันตรายไหม เมื่อแม่ท้องเป็นอีสุกอีใส

ไขข้อข้องใจ ลูกได้รับอันตรายไหม เมื่อแม่ท้องเป็นอีสุกอีใส

ไขข้อข้องใจ ลูกได้รับอันตรายไหม เมื่อแม่ท้องเป็นอีสุกอีใส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก หากในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่ คนท้องเกิดเป็นโรคอีสุกอีใสขึ้นมา ซึ่งก็อาจจะได้รับเชื้อจากคนใกล้ตัว เช่น ญาติพี่น้อง หรือลูกคนแรกที่กำลังเลี้ยงอยู่ โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ป้องกัน เพราะลืมไปแล้วว่ายังไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน จึงเกิดความกังวลว่าลูกในท้องจะได้รับเชื้อด้วยหรือไม่ และจะเป็นอันตรายหรือเปล่า เราจึงได้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาไว้ในบทความนี้แล้ว

รู้จักโรคอีสุกอีใส

โรคอีสุกอีใส เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสที่ชื่อ Varicella ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการอ่อนเพลีย เป็นไข้ และจะเริ่มมีตุ่มใส ๆ หรือตุ่มหนองขึ้นตามร่างกายและใบหน้า หากผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอมาสัมผัสบริเวณตุ่มหนองของผู้ป่วย ก็มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อติดต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์โดยไม่ต้องทำการรักษาทางการแพทย์แต่อย่างใด

เมื่อคนท้องเป็นโรคอีสุกอีใส ส่งผลอันตรายต่อเด็กอย่างไรบ้าง ?

ปกติแล้ว หากคนท้องจะเป็นโรคอีสุกอีใส มักจะเกิดขึ้นในช่วงการครรภ์ 1-3 เดือนแรก เพราะภูมิต้านทานในตัวคนท้องจะต่ำลงกว่าปกติ จึงทำให้ได้รับเชื้อโรคและติดเชื้อได้ง่าย ไม่ใช่แค่เพียงโรคอีสุกอีใสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าหากเชื้อโรคได้แพร่กระจายเข้าไปสู่ทารก ก็จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับระบบสมอง และตามผิวหนังของลูก

แต่หากคนท้องเป็นโรคอีสุกอีใสในช่วงใกล้คลอดพอดี ก็ยิ่งมีความอันตรายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากภายในร่างกายของคนท้องจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เจริญเติบโตได้มากผิดปกติ เป็นเหตุให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด และอาจทำให้ระบบหายใจของคนท้องล้มเหลว เป็นเหตุให้เกิดการเสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูกได้

รักษาอย่างไร เมื่อคุณแม่เป็นโรคอีสุกอีใสขณะตั้งครรภ์

หากแพทย์ตรวจสอบแล้วว่า เชื้อโรคไม่ได้แพร่ไปยังทารก และไม่ได้เป็นอันตรายต่อทารก ก็จะทำการรักษาไปตามอาการ คือหากมีไข้ ก็ให้ยาลดไข้ หากอ่อนเพลีย ก็ให้ดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำดื่มในปริมาณมากและให้นอนหลับพักผ่อน ในบางรายอาจต้องให้น้ำเกลือ เพื่อให้คนท้องสดชื่นขึ้น ระหว่างนี้คนท้องต้องพยายามไม่แพร่เชื้อโรคไปสู่คนอื่น เพราะอาจจะทำให้มีความเสี่ยงที่เชื้อโรคจะแพร่กระจายไปสู่ทารกในครรภ์ แต่ถ้าหากแพทย์ตรวจพบว่าทารกได้รับเชื้อ และเริ่มมีความผิดปกติขึ้น แพทย์ก็อาจพิจารณาให้ยุติการตั้งครรภ์ได้

คุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน ควรรีบไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ได้นั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook