ภัยใกล้ตัวควรระวัง! จี้กลางห้าง

ภัยใกล้ตัวควรระวัง! จี้กลางห้าง

ภัยใกล้ตัวควรระวัง! จี้กลางห้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เตือนภัยมิจฉาชีพกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองแบบประชิดตัว วันนี้ผมเจอกับตัวเองสดๆร้อนๆเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.ขณะผมกำลังรอแฟนทำผมชั้นล่าง ผมเลยเดินเล่นในห้างไปเรื่อยๆ ผมลงมาจากชั้นโรงหนังก็เดินดูนั่นโน้นนี่ไปเรื่อยและขณะที่ผมกำลังลงจากบันไดเลื่อน เพื่อลงชั้นสี่ตรงซูเปอร์มาร์เกต ผมก็ได้สังเกตเห็นว่ามีเด็กสถาบันหนึ่งนั่งจับกลุ่มกันอยู่ตรงข้างๆทางขึ้น (เป็นศูนย์อาหารเล็กๆที่มีป้ายบอกว่ามีบุหรี่ขาย) ซึ่งผมอยู่ตรงทางลง ผมเลยไม่สนใจอะไร

 


จากนั้นผมก็เดินเลยไปเพื่อจะเดินไปโซนขายมือถือขณะที่ผมก้าวเดินเพียงสี่ก้าวจากประตูเพื่อเข้าโซนมือถือ ก็มีวัยรุ่นสองคน คนแรกวิ่งมาล็อกแขนผม อีกคนมาประกบข้างหน้าผมตกใจมาก ผมเห็นหน้าพวกมันก็รู้ทันทีเลยว่าเป็นกลุ่มเด็กพวกนั้นที่นั่งอยู่เมื่อครู่ที่ผมเห็น มันเข้ามาล็อกแขนผมไขว้หลัง แล้วมันก็ทักผมว่า...

"สวัสดี... มาทำอะไรที่นี่เหรอ"

ขณะนั้นผมก็พยายามมองหาคนช่วย คิดดูนะครับคนเยอะมากมาย แต่ไม่มีใครช่วยผมสักคนทั้งที่คนเยอะมากมายตรงทางเดินนั้น เมื่อไม่มีใครช่วยอะไรผมได้ ผมก็ตอบพวกมันไปว่า... "มาเดินเล่น"

ขณะที่ผมจบคำตอบ พวกมันก็เดินเข้ามาอีกคน มายืนข้างๆผม ประมาณอยากให้ผมรู้ว่ามันไม่ได้มากันสองคน แล้วมันก็เดินกลับ มันถามผมว่า "เรียนที่ไหน"
ผมเงียบไม่ตอบ มันเลยบอกว่างั้นขอดูบัตรนักศึกษาหน่อยสิ ผมก็ยังไม่ให้บัตรนักศึกษามันดู ตอนแรกผมคิดว่ามันคงจะคิดว่าผมเป็นเด็กเทคโนแน่ๆถึงถามว่าเรียนไหน คราวนี้มันตะคอกผมว่า..."สรุป... เรียนที่ไหนไอ้..."

ผมเลยบอกชื่อสถานศึกษาไป ซึ่งไม่ใช่เทคโนอย่างที่พวกมันคิดแน่นอน แต่มันก็ยังบอกว่างั้นเอาบัตรมาดูดิ ผมก็เลยควักบัตรให้มันดู แต่ผมสังเกตว่าขณะที่ผมหาบัตร ตามันมองเข้ามาในส่วนที่ใส่สตางค์มากกว่าจะดูบัตร สุดท้ายพอผมยื่นบัตรให้ดู มันก็บอกว่า... "เออ งั้นกูขอตังค์กินเหล้าหน่อยสิ มีไหม"

ผมโชคดีอย่างนึงคือตอนที่ผมจะแยกกับแฟนผมเอาเงินให้แฟนผมไว้เป็นค่าทำผม เลยมีติดตัวไม่ถึงห้าสิบบาท ผมบอกว่าไม่มี มันก็ต่อยผมไปสองหมัด ขณะที่ผมโดนต่อยผมเรียกรปภ.ตรงประตู ซึ่งระยะห่างตอนนั้นรับรองว่าอยู่ไกลกันไม่เกินห้าเมตร "พี่ช่วยผมหน่อยครับ"

รปภ.มันส่ายหัวกับผม... ผมอึ้งเลยครับ นี่หรือคนไทยเจอกับตัวถึงรู้ว่า ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเอง ผมคิดว่าถ้าผมสู้ ผมคงจะโดนอะไรมากกว่านี้ ไม่รู้ว่ามันมีปืน มีมีด หรือเปล่า เพราะมันมากันหกคน สี่คนที่เหลือมันยืนอยู่ห่างประมาณสิบเมตร โดยให้สองคนมาจัดการผม... มันบอกว่า... "กูไม่เชื่อว่า... ไม่มีตังค์ งั้น... มีอะไรติดตัวมั่ง"

ถ้าผมบอกว่ามือถือ ก็คงจะดูโง่ไป ผมยังพอมีสติ ผมเลยบอกว่ามีบัตรเครดิต ให้มันเอาไปรูดเอง (ที่ต้องบอกบัตรเครดิตผมกลัวมันค้นกระเป๋า ซึ่งผมเอามือถือใส่ไว้ในกระเป๋าหลังมันเลยไม่ตุงข้างหน้า) สุดท้ายมันก็เอาบัตรเครดิตผมไปจริงๆพร้อมกับเงินห้าสิบบาทที่ติดตัวผม วันนั้นผมเจ็บตัวไม่เท่าไหร่ครับ แต่เจ็บใจรปภ.สองคนตรงประตูห่างกับผมไม่ถึงห้าเมตร กับคนเดินผ่านมากมายไม่มีใครช่วยผมเลย อย่างที่ผมบอกครับ ภัยทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีใครที่สามารถจะช่วยได้เลยแม้แต่สถานการณ์คนเยอะ การคุ้มกันเยอะ แต่วันนี้ผมกลับโดนเอง ช่วยเหลือตัวเองเท่านั้นเอง

ขอให้ทุกคนระวังตัวด้วยนะครับ พวกมิจฉาชีพในคราบคนมีการศึกษาจากชุดสถาบันการศึกษาที่มีสถาบันตั้งอยู่ในละแวกนั้น มันจะทำทีมาประชิดตัวเราเหมือนว่ารู้จักกันมานาน ขนาดช่วงนั้นมีการคุมเข้มเรื่องระเบิดในห้าง แต่ตอนที่เกิดเรื่องกับผม ไม่มีตำรวจซักคน มีแต่รปภ.ที่ไม่มีหน้าที่อะไรนอกจากยืนเฉยๆจ้องตาแล้วส่ายหัว เจ็บใจจริงๆครับ

บัตรเครดิตในวันนั้น ผมรีบโทร.ไประงับทันทีครับ สำหรับการแจ้งความผมเดินไปหารปภ.อีกคนหนึ่งหลังจากเสร็จเรื่อง เขาไปดูแล้วบอกว่าพวกนี้ไม่อยู่ตรงจุดที่ผมเห็นมันนั่งกันอยู่ อันนี้ผมพอเข้าใจว่ามันคงหนีไปแล้ว

และผมก็ยืนรอเจ้าหน้าที่มาบันทึกแจ้งความเกือบยี่สิบนาที สุดท้ายผมก็ขี้เกียจยืนรอ เพราะมันคงไม่ได้อะไรกลับมาแน่ๆ รปภ.ที่นั่นเขาก็บอกกับผมว่ามันคงทำได้แค่แจ้งความนะครับ ผมก็เลยถามว่า แล้วกล้องวงจรปิดไม่มีหรือ เขาบอกว่ามันยุ่งยาก แล้วอีกอย่างที่ไปๆมาๆผมไม่อยากแจ้งความ เพราะมันจะทำให้เจ็บใจเปล่าๆ
หากเราแจ้งความมันก็เหมือนให้ความหวังเราว่าพวกนี้ต้องโดนจับ ทั้งที่จริงสิ่งที่เราได้ก็คงแค่กระดาษหนึ่งใบกับปัญหาที่ยากจะแก้จบ มีอย่างเดียวคือเราควรจะบอกต่อกับคนที่เรารัก เพื่อให้เขาได้ป้องกันตัวกันจะดีกว่าได้กระดาษมาเพียงแผ่นเดียวที่ไม่มีความหมายอะไรเลย


กลับหน้าแรกผู้หญิง คลิก!

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook