ห้องเรียนไร้กรอบ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

ห้องเรียนไร้กรอบ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

ห้องเรียนไร้กรอบ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรียกว่าแทบจะเห็นหน้า กันปีละครั้ง สำหรับหนุ่มเซอร์ที่มีความเป็นตัวเองสูงอย่างซันนี่ หรือคุณโจศักดิ์ ในซิทคอมเนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร พอเราได้ข่าวว่าเขากำลังซุ่มทำงานเบื้องหลัง กับภารกิจไกด์พาเที่ยวในรายการท่องเที่ยวแนวใหม่แบบเรียลิตี้ ในคาแรกเตอร์ที่เจ้าตัวบอกว่าเขาเป็นคนขี้สงสัยที่พร้อมจะถามทุกคำถามแทนคน ดู ค่ำไหน นอนนั่น ขอเตือนว่าใครพลาดเทปแรก ต้องไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สองในเทปต่อไป


‘Classroom' รายการท่องเที่ยวน้องใหม่ที่ออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่อง Travel Chanel Thailand ทรู วิชั่นส์ ช่อง 37 ที่เริ่มจากคู่เพื่อนซี้เคมีตรงกัน ระหว่างซันนี่และโน๊ต (สุดปราชญ์ อึ้งตระกูล) เพื่อนร่วมแก๊งที่มักจะแพ็ก กระเป๋าเดินทางบ่อยๆ เมื่อเวลาเอื้ออำนวย "ผมเป็นคนที่ชอบเที่ยวประมาณหนึ่ง ชอบไปในที่ที่ไม่เคยไป อยากเจอ อยากรู้ อยากเห็น เพราะถ้าเราอยู่แต่ในประเทศของเรา เห็นแต่บางสิ่งบางอย่าง เหมือนอยู่ในบ้านอยู่ในกรอบก็น่าเบื่อ เราก็อยากออกไปข้างนอกบ้างเพื่อไปเจอใน สิ่งใหม่ๆ เจอคนใหม่ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นประสบการณ์ เหมือนที่เพื่อนผมเคยพูดไว้ครับ คุณโน๊ตเขาบอกว่าการที่เราออกไปท่องเที่ยวมันก็เหมือนการกินอาหาร มันทำให้เติบโตเหมือนกัน

แต่จริงๆ Classroom มันเป็นรายการของเพื่อนผม เพื่อนผมเขาอยากทำรายการท่องเที่ยว คอนเซ็ปต์ของเขาคือการเรียนรู้นอกห้องเรียนหรือห้องเรียนไร้กรอบ ตัวเขาเป็นคนต้นคิด คอน-เซ็ปต์ รูปแบบก็ของเขา เขาแค่อยากให้ผมไปกับเขาแค่นั้นเอง แต่เขาบอกว่าไม่เชิงเป็นพิธีกร มันเป็นคาแรกเตอร์มากกว่า เพราะผมกับเขามีความคิดที่ชอบขัดแย้งกันในบางสิ่งบางอย่าง"


• เห็นว่าเป็นเรียลิตี้ด้วย
"ใช่ครับ จริงๆ มันเป็นเรียลิตี้ เราพยายามทำให้มันจริง ใส่คาแรกเตอร์ของเราเข้าไปว่าเราเป็นคนนิสัยไม่ดี ไม่ใช่ไปเจออุ๊ย! ที่นี่ดีจังเลย สวยจังเลย (เสียงสูง) ไม่ใช่ ถ้าไม่พอใจคนหรือเวลาโดนโกงเราก็บอกว่าเราโดนโกง กินอาหารไม่อร่อยก็จะบอกว่าไม่อร่อย ไม่มีการโกหกกัน"

• แสดงว่าทุกอย่างก็สด ไม่มีสคริปต์
"ใช่ครับ คอนเซ็ปต์คือเราจะใช้แผนที่แทนกระดานดำ ใช้ความอยากรู้อยากเห็นของเรากำหนดตารางสอนว่าเราอยากรู้อะไร และให้คนรอบข้างเป็นครูบาอาจารย์ที่จะสอนเรา"

• จุดเด่นของมันคือเรียลิตี้ แล้วความ แตกต่างจากรายการอื่นอยู่ตรงไหน
"ส่วน ใหญ่ผมว่ามันตรงกับชื่อรายการคือ Classroom เราไปเพื่อจะเรียนรู้ ไม่ได้จะไปเที่ยวเพื่อสนุกอย่างเดียว หรือไปพักผ่อนเฉยๆ เราอยากรู้เรื่องอะไรก็ไปหาคำตอบ เหมือนตอนไปญี่ปุ่นเราอยากรู้ว่าจริงๆ เกอิชาเขาคือใคร ทำอะไร เคยดูจากในเว็บเขาอาจจะเป็นนางรำ ไปญี่ปุ่นเราก็ลองไปคุยกับเขาจริงๆ ว่าเกอิชาเขาเป็นยังไง ใช้ชีวิตยังไง เราก็ตั้งข้อสงสัยของเรา แต่ทุกครั้งเราต้องมีการวางแผนล่วงหน้า คุยกันก่อนว่าอยากไปที่ไหน ค้นคว้าก่อนว่าที่นั่นเป็นยังไง และสุดท้ายก็คิดว่าลองดูสิมันจะเป็นอย่างที่เราคิด หรือเป็นอย่างที่เขาบอกรึเปล่า ถ้าเราแหวกออกไปมันจะเป็นยังไง ไม่จำเป็นต้องเชื่อในสิ่งที่เราเห็นทั้งหมด เราต้องไปรู้เอง แต่สิ่งที่ต่างคือเราไม่มีการเซอร์เวย์ล่วงหน้า ไม่มีการบุ๊ก ไม่มีการจอง ทุกอย่างสดและใหม่หมด ทั้งผม ทีมงาน และคนดู"

• จากไปเที่ยวเองกับกลุ่มเพื่อน วันหนึ่งมาทำรายการท่องเที่ยวกันเอง ต้องปรับตัวเยอะไหม
"จริงๆ ต้องหาข้อมูลเพิ่มเยอะมากครับ เพราะถ้าไปเที่ยวในบ้านเรา พูดจาภาษาเดียวกันยังไงก็มีคนช่วยเราได้เวลาหลงทาง แต่ถ้าไปบ้านคนอื่นแล้วเราไม่เตรียมตัว ไม่รู้อะไรเล็กๆ น้อยๆ ในประเทศเขา เงินเขาใช้ยังไง ไม่มีแผนที่หรือเสิร์ชข้อมูลอะไรออกมาบ้างก็เกิดปัญหาขึ้นได้ จริงๆ มันครึ่งๆ ครับ บางทีรู้มาอีกแบบ พอไปถึงอ้าว! ซวยแล้ว ไม่เห็นเหมือนเลย ทำยังไง พอไปถึงแล้วก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะสื่อสารกับคน เพราะจริงๆ ทีมงานไปกันประมาณ 6 คน"

• มีใครบอกหรือเปล่าว่าเป็นรายการ ท่องเที่ยวที่ใช้ทีมงานน้อยมาก
"ครับ (ยิ้ม) มีผม มีเพื่อนผม ที่เหลือก็เป็นทีมงาน เขาก็ไปรู้พร้อมกับเราเหมือนกัน เราเดินทางกันสองคน ที่เหลือก็ช่วยในเรื่องอื่นๆ พยายามช่วยๆ กัน เผื่อมีใครเจ็บป่วย

• เท่าที่ฟังมาดูเหมือนโน๊ตจะเป็นต้นคิดทั้งหมด แล้วซันนี่ทำอะไรบ้าง
"Classroom เหรอครับ (ทำท่าคิด) จริงๆ เขาเหมือนจ้างผมนะ (ยิ้ม) เพราะเราสนิทกันมากอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่ไม่ได้อยู่ในวงการ แก๊งนี้คือแก๊งที่สนิทมากครับ"

• สโคปเข้ามาที่รายการบ้าง ทำไมเทปแรกถึงต้องเป็นเวียดนาม
"จริงๆ เขาหลอกผมว่าจะไปสวิตเซอร์แลนด์ หลอกผมจนตอนไปถึงสนามบินเขาบอก ก็สวิส ออฟ อินโดจีนไง (หัวเราะ) เราไปทั้งหมด 7 วัน มีเซอร์ไพรส์ระหว่างทางเยอะมาก มีป่วย ทุกอย่าง ช่วยกันหาทาง จะพักที่ไหน จะนอนที่ไหน เพราะแต่ละที่เราก็ไม่รู้เพราะไม่เคยไป ลงสนามบินแล้วจะต่อรถไปยังไง"

• ได้กินอะไรแปลกๆ บ้างไหม
"ผมพยายามจะเลี่ยงนะ (ยิ้ม) เพราะเทปแรกๆ เดี้ยงกันไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าที่ได้กินไปนี่เนื้อหมาหรือเปล่า (ย้ำ) ต้องบอกเลยว่าคุณไปเวียดนามนี่อันตรายมาก เพราะประเทศเขานิยมกินสุนัขกัน ผมก็พยายามจะไม่สั่งเนื้อ โน๊ตนี่ เดี้ยงไปเลย อาหารเป็นพิษ ต้องแบกกันไปหาหมอ นี่ก็ลำบากอีกเพราะหมอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่รู้ว่าเป็นอะไรมา รักษาไม่ได้ ฉีดอะไรก็ไม่ได้เดี๋ยวรักษาผิดโรค 6 โมงเช้าตื่นมาอ้าว! ไอ้นี่อ้วกทั้งคืน อึไม่หยุด ก็ต้องช่วยๆ กัน"

• สิ่งที่ยากในการทำงานคืออะไร
"จริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรเราจะถ่ายมันไว้ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ยากก็คือการสื่อสาร การเจอบุคคลประหลาด บางทีเราก็ไม่ค่อยชอบเวลามีคนมายุ่งกับเรา เหมือนนักท่องเที่ยวไปต่าง-ประเทศเขาก็จะชอบเข้ามายื่นข้อเสนออะไร ต่างๆ ไปนี่ไหม เอานั่นไหม และผมกับโน๊ตจะเป็นคนที่นิสัยเสียแต่ว่ายังอารมณ์ดี (ยิ้ม) ยังเล่นกันตลอดเวลา"

• นิสัยเสียยังไงบ้าง อธิบายให้แคบลงหน่อย
"นิสัยเสียเหรอครับ ชอบด่าคนมาก (ลากเสียงยาว) ขี้รำคาญ ขี้บ่น นี่คือเรื่องจริงไม่มีการสร้างคาแรกเตอร์ขึ้นมา บางเรื่องเราก็โมโหจริงๆ อย่างเทปที่ไปญี่ปุ่นเราไปเจอเพื่อนอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่แล้วก็เลยให้เขาพูด ญี่ปุ่น พอเขาพูดไอ้นี่ก็ยังไม่เข้าใจ คือผมพูดภาษาคุณแล้วคุณยังไม่เข้าใจผมก็โมโหสิ เหมือนงงกัน ผมก็เลยโมโห หรือไม่ก็ทะเลาะกันเอง เถียงกัน ยั่วโมโหกันเพราะว่ามันสนุกดี (ยิ้ม)"

 

• มีประเทศไหนที่อยากไปมาก หรือแนะนำโน๊ตว่าอยากให้ไปทำ
"ก็มี ครับ ผมอยากไปพวกยุโรป เป็นโซนประเทศของคุณแม่ผม แต่คงอีกนานครับ แต่ถ้าเป็นเมืองไทย จริงๆ อยากไปทั่วประเทศแหละครับ เพราะโน๊ตเขาย่ำมาแล้วตั้งแต่เหนือจดใต้

• จะบอกว่า Classroom เป็นรายการที่เป็นตัวเองที่สุดได้ไหม ระหว่างซันนี่กับเพื่อน
"ก็ ประมาณนั้นครับ เพราะเราไม่ต้องไปเล่นเป็นใคร แต่จะเราพยายามทำตัวเป็นคนนิสัยเสีย เพราะเด็กในห้องเรียนไม่จำเป็นจะต้องเป็นเด็กเรียนนั่งอยู่หน้าห้องเสมอ เป็นคนที่ไม่เรียนเลยก็ได้ ผมอาจจะไปเพราะอยากนั่งเฉยๆ ครูเดินมาชวนเข้าห้องทดลองไปเห็นด้วยกัน ทำพร้อมๆ กัน ผมก็ไม่อยากไปเพราะขี้เกียจ เหมือนเด็กหลังห้องที่ชอบแหกกฎ (ยิ้ม)"

• มาถึงคำถามยอดฮิต ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง
"ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง เนื้อคู่ฯ เพิ่งโดนถอดไปนะครับผม (หัวเราะ)"

• มีแนวโน้มว่าจะย้ายไปอยู่ช่องอื่นไหม
"ผมไม่รู้จริงๆ แต่ระบบวงการทีวีเราเป็นอย่างนี้ เขาทำกันมาอย่างนี้ และเราไม่มีเงิน ไม่รู้จักคน ไม่มีเวลาอยู่ในมือ และไม่มีความสามารถที่จะพูดอะไรได้ ซึ่งผมอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วช่องบางช่องมันไม่ใช่ของใครนะครับ มันเป็นของประชาชน เป็นเงินภาษีของประชาชน แค่คนบางคนหรือบางกลุ่มคิดว่ามันเป็นของตัวเอง ผมว่าสำคัญผิดแล้ว"

• ได้ข่าวว่าเล่นหนังกับอนันดาด้วย
"มีหนังเรื่องชัมบาลากำลังจะเข้าฉายปีนี้ ดีครับ อนันดาเป็นคนนิสัยดีมากเท่าที่ผมรู้สึก แล้วก็ร้องเพลงชาติไทยไม่ได้ (ยิ้ม)"

• ดูจะเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซันนี่เลือกรับงานยังไง
"ถ้า ผมอยากจะรับงานผมไม่แคร์เรื่องที่ทำแล้วเอาเงิน ผมรับเพราะผมอยากทำมากกว่า ผมอยากให้มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในบ้านเรา อยากจะทำเพราะผมรู้สึกดีด้วย เหมือนได้สร้าง คาแรกเตอร์ ได้ทำอะไรในฐานะนักแสดง ไม่ใช่เอะอะก็มีแต่หนังประเภทเดียวกันหมด ผมไม่อยากให้ประเทศเราเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นต้องมีคนช่วยทำอะไรที่ใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ไม่ใช่ทำแต่หนังประเภทเดียวกัน มันจะทำให้เราแคบลง อย่าให้ปัจจัยแค่คำว่าเงินหรือว่าคนไม่ดูมากำหนดว่าสิ่งที่เราพยายามสื่อสาร ต้องหยุด"

• ขอวกกลับมาที่รายการเป็นคำถามสุดท้าย ซันนี่คิดว่าคนดูจะได้อะไรจาก Classroom
"ผม ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอะไรที่เราไม่เคยเห็นอยู่แล้ว ปกติเราดูทีวีดูรายการทั่วไป พอรายการท่องเที่ยวแวบขึ้นมา คนจะเห็นว่าเฮ้ย! ประเทศนี้มีอย่างนี้ด้วย หรือเป็นประเทศใหม่ที่เราไม่เคยเห็นเราก็จะพาไป โดยที่ไม่ได้กลายเป็นเล่าเรื่องครับ แต่เป็นการเรียนรู้ไปด้วยกัน คุณไม่เคยรู้ว่าเงินประเทศนี้เขาใช้อะไรคุณก็ได้รู้ วัฒนธรรมอะไรแปลกๆ ของเขา ทางหนีทีไล่ หรือเขามีกินหมากันเราก็รู้ (หัวเราะ) เหมือนเราไปย่ำโลกด้วยกัน

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเรามันเป็นความรู้หมดครับ ไม่เกี่ยวกับว่าต้องไปนั่งเรียนแล้วจะได้ความรู้เพิ่ม การไปเที่ยวก็ทำให้มีความรู้เพิ่ม ทำให้มนุษย์เราโตขึ้นเหมือนกัน อยากฝากให้ดูกันครับ จริงๆ มันก็เป็นเรื่องของพวกผมสองคนนะ แต่มันก็ให้ความรู้ในแบบของมัน เพราะมันเหมือนพวกผมไปสงสัยแทนคนดูทางบ้าน เป็นคอมมอนเซนส์ที่คนสงสัยว่าทำไมทำอย่างนี้กันวะ ทำไมกินอันนี้ เป็นคนถามแทน คนดู เพราะเราก็สงสัยเหมือนกัน (ยิ้ม)"


นี่คือตัวตนและคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนใครของผู้ชายที่ชื่อซันนี่ แต่เชื่อแน่ว่าทุกสิ่งที่เขาได้ทำจะเป็นแง่คิด แรงบันดาลใจ และเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับใครหลายๆ คนเอาเป็นแบบอย่างได้

 

 

 

ผู้หญิงมีเรื่องอีกเยอะ.. ดูต่อ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook