โยคะใบหน้า เคล็ดลับสำหรับหน้าอ่อนวัย ไร้รอยตีนกา
ผู้ที่ไม่อยากเห็นตีนกา หรือรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังตกแต่ง เสนอแนะวิธีใหม่ที่จะช่วยทำให้ใบหน้าตึงเต่งขึ้น และดูมีอายุน้อยกว่าอายุจริงได้ถึงสามปี โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัย Botox การผ่าตัดดึงหน้า หรือการฉีดสารที่เข้าไปทำให้หน้าตึงอีกต่อไป
วิธีใหม่ที่ว่านี้เป็นผลงานการวิจัยนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังตกแต่ง Murad Alam รองหัวหน้าภาควิชาโรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Northwestern ในนครชิคาโก และรายงานไว้ในวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกัน หรือ JAMA Dermatology
งานวิจัยนี้เป็นการบำบัดที่ไม่แพงและไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดแต่อย่างใด โดยนักวิจัยให้อาสาสมัคร ซึ่งในกรณีนี้เป็นผู้หญิง 27 คน อายุระหว่าง 40 ถึง 65 ปี รับการฝึกหัดใช้กล้ามเนื้อที่หน้าก่อนจะนำกลับไปปฏิบัติเองที่บ้านเป็นเวลา 8 สัปดาห์ และจากนั้นให้ออกกำลังกล้ามเนื้อที่หน้าทางเลือกต่ออีก 12 สัปดาห์
มีอาสาสมัครร่วมโครงการอยู่จนจบการทดลอง 16 คนจาก 27 คน ซึ่งผลที่ได้ทำให้นักวิจัยตื่นเต้นดีใจ เพราะดีกว่าที่คาดไว้
การวัดการเปลี่ยนแปลงที่ใบหน้าของอาสาสมัคร และการเปรียบเทียบภาพก่อนและหลังการวิจัย นายแพทย์ Alam และเพื่อนร่วมงานบอกว่า บริเวณที่เห็นได้ชัดว่าดีขึ้นคือทั้งส่วนบนและล่างของแก้มเต็มขึ้น และประมาณว่าโดยเฉลี่ยแล้ว เจ้าของแก้มมีอายุต่ำกว่าอายุจริงถึงสามปี
ซึ่งทำให้แพทย์ผู้นี้กล้าเสนอแนะว่า ผลงานวิจัยเป็นหลักฐานส่วนหนึ่งที่พิสูจน์ว่า การออกกำลังกล้ามเนื้อที่หน้าทำให้ใบหน้าดูดีขึ้น และชะลอสัญลักษณ์ที่บ่งบอกวัยทองได้ โดยไม่ต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมาก และไม่เป็นพิษเป็นภัยด้วย
แต่เขาก็ยอมรับว่า จะต้องทำงานวิจัยในเรื่องนี้ต่อไปอีกกับกลุ่มศึกษาที่ใหญ่กว่านี้เพื่อเป็นการยืนยัน
อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคผิวหนังคนอื่นๆ และนายแพทย์ John Chi ศัลยแพทย์ตกแต่งที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Washington ในรัฐมิสซูรี่ ให้ความเห็นว่า หลักฐานยังน้อยเกินไป ยังตัดสินลงไปไม่ได้ว่า การออกกำลังกล้ามเนื้อที่ใบหน้า หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ทำโยคะด้วยใบหน้า” นั้น ได้ผลตามที่กล่าวอ้างจริง
และย้ำว่าจะต้องมีการศึกษาวิจัยอย่างเป็นวิทยาศาสตร์กับกลุ่มคนที่ใหญ่กว่านี้ รวมทั้งการทบทวนผลการวิจัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาเดียวกัน
สำหรับผู้ที่สนใจและไม่อยากเสียเงินซื้อบทเรียนจาก Happy Face Yoga ลองเข้าไปดูในหนังสือพิมพ์ New York Times ฉบับล่าสุด ที่ตีพิมพ์บทเรียนนี้ไว้แล้ว