โยคะ...สำหรับคุณหนู
แพทย์หญิงพัฎ โรจน์มหามงคล อาจารย์หน่วยพิเศษพัฒนาเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำเคล็ดลับในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อน้อยๆ ของลูกไว้ว่า การเล่นโยคะไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ผู้ใหญ่เท่านั้น เด็กวันเตาะแตะสามารถฝึกโยคะเพื่อบริหารร่างกาย ฝึกการประสานงานของกล้ามเนื้อ ฝึกการทรงตัว และฝึกสมาธิให้จดจ่อกับท่าโยคะที่กำลังทำอยู่ นอกจากนี้ โยคะยังเปิดโอกาสให้เด็กวัยนี้ได้ฝึกสังเกตท่าทางของคุณแม่ขณะกำลังสอนแล้ว เลียนแบบ ทำให้เกิดการเรียนรู้ตามธรรมชาติ และการฝึกโยคะยังช่วยให้ครอบครัวได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันด้วย
ด้านครูจอย-กันต์กนิษฐ์ พรหมบุตร ครูสอนโยคะ ยังกล่าวเสริมว่า การฝึกโยคะให้หนูน้อยวัยเตาะแตะต้องเริ่มต้นด้วยท่า warm up เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้แก่กล้ามเนื้อของหนูน้อย "อย่างแรกต้องฝึกการหายใจด้วยการทำท่าลูกโป่ง ลูกใหญ่ โดยการพนมมือทั้งสองข้างแล้วค่อยๆ แยกมือทั้งสองข้างออกจากกัน จากนั้นให้ลูกเป่าลมระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้าง การทำท่านี้ช่วยฝึกสมาธิขยายพื้นที่ปอด ทำให้เด็กได้รับออกซิเจนมากขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมสร้างเซลล์สมองอีกทางหนึ่ง
หลังจาก Warm Up แล้วก็จะเป็นท่าภูเขาสูง ทำโดยการยกแขนทั้งสองข้างเหนือศีรษะแล้วเขย่งส้นเท้าขึ้น ท่านี้จะช่วยในเรื่องความสูงของหนูน้อย จากนั้นตามด้วยท่าหงส์ที่ให้นั่งยืดขา กางขาออกจากกันเป็นสามเหลี่ยม แล้วค่อยๆ ก้มตัวลงระหว่างขาทั้งสองข้าง ท่านี้ช่วยป้องกันหลังโค้ง ทำให้โตขึ้นเป็นเด็กที่มีบุคลิกภาพดี"
และนอกจากพัฒนาการด้านร่างกายแล้ว พัฒนาการที่ดีด้านอารมณ์ของลูก ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณแม่และคุณพ่อต้องใส่ใจ การสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้แก่ลูกวันเตาะแตะทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด การที่เด็กวัยนี้แสดงพฤติกรรมติดคุณพ่อคุณแม่หรือคนที่เลี้ยงดู เป็นธรรมชาติของเด็กวัย 1-3 ขวบ เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่ม มีความจำมากขึ้น เด็กจะเริ่มจัดอันดับว่าใครเป็นคนที่ใช้เวลากับเขามากที่สุด เล่นกับเขาได้สนุกสนานมากที่สุด จะเป็นคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด คุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจก่อนว่า อาการติดพี่เลี้ยงนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ หากลูกเกิดอาการงอแงเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไปทำงานหรือหายไปไหน มีวิธีการรับมือที่สามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ โดยคุณพ่อคุณแม่หรือคนที่ลูกติดจะต้องแสดงให้เห็นว่า การแยกจากกันเป็นเรื่องธรรมชาติ และในที่สุดคุณพ่อคุณแม่หรือคนที่ลูกติดก็จะกลับมาหาเขา นอกจากนี้ควรสังเกตว่าลูกชอบเล่นอะไร ใช้กิจกรรมนั้นช่วยเบี่ยงเบนความสนใจในขณะที่ไม่ได้อยู่กับเขา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความงอแงแล้ว ยังช่วยสร้างเวลาแห่งความสุขได้อีก
