ออสการ์! ออสการ์! OSCARS 2021 ในปีแห่งประวัติศาสตร์! โดย ก้อง ฤทธิ์ดี
การแจกรางวัล Academy Awards หรือรางวัลออสการ์ มีขึ้นเช้าวันที่ 26 เมษายน ตามเวลาประเทศไทย ในรูปแบบใหม่อันเป็นด้วยผลพวงของเงื่อนไขแห่งประวัติศาสตร์มนุษยชาติในปีแห่งโรคระบาด ทั้งการเดินพรมแดงที่ถึงจะยังมีอยู่ แต่ก็ไม่หวือหวาฮือฮาเหมือนทุกปี ส่วนงานแจกเองก็สั้น กระชับกว่าเดิม (นิดนึงก็ยังดี) มีทั้งแขกที่มาในงานจริง ซึ่งมีจำนวนหลักร้อยกว่าคนเท่านั้น และที่ปรากฏตัวผ่านการถ่ายทอดมากจาก “Hub” หรือจุดถ่ายทอดในเมืองต่าง ๆ ของโลกที่ผู้เชิญรางวัล หรือผู้รับรางวัลอาศัยอยู่ (ไม่มี Zoom นะครับ เพราะไม่งาม) ท้ายที่สุดแล้วบางเสียงบอกว่างานน่าเบื่อ แห้ง บางเสียงว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่เว่อร์วัง ไม่เอ้อระเหยและอวยตัวเองจนเกินงาม และไม่ลากยาวไปสาม-สี่ชั่วโมงอย่างที่มักจะเป็น
ถึงแม้จะเป็นออสการ์ที่ประหลาดที่สุดในแง่การจัดการ แต่ออสการ์ปีนี้กลับพลิกสร้างโอกาส PR ตัวเองใหม่ในหลายมิติ ทั้งการตอบสนองเสียงเรียกร้องให้มีความหลากหลายของเชื้อชาติในหมู่ผู้เข้าชิง พูดง่าย ๆ ว่าไม่ให้ออสการ์ “ขาว” เกินไป อีกทั้งยังเน้นย้ำการ “สร้างประวัติศาสตร์” (history-making) ในรายละเอียดต่าง ๆ ของผู้เข้าชิงและผู้ชนะ
- โคลเอ จาว เป็นผู้กำกับหญิงคนที่สองในประวัติศาสตร์ และผู้กำกับหญิงคนแรกที่ไม่ใช่คนผิวขาว ที่ชนะรางวัล Best Director การงานกำกับเรื่อง Nomadland (ผู้กำกับหญิงคนแรกที่ได้รางวัลนี้คือ แคทเธอรีน บิกเกโลว์ จาก The Hurt Locker)
- ยูน ยอ จอง เป็นดาราเกาหลีคนแรกที่รางวัลออสการ์สาขาการแสดง โดยได้รับ Best Supporting Actress จากหนังดราม่า Minari
- แอนโธนี่ ฮอปกินส์ พลิกล๊อคได้รับรางวัล Best Actor จากเรื่อง The Father และกลายเป็นผู้ชนะรางวัลสาขานักแสดงที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ คืออายุ 83 ปี ฮอปกินส์ เคยได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายมาแล้วเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน จาก The Silence of the Lambs
- ฟรานเซส แมคดอร์มานด์ กลายเป็นดาราคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัล Best Actress สามครั้ง (คนก่อนหน้านี้คือแคทเธอรีน เฮปเบิร์น) โดยครั้งนี้เธอได้จาก Nomadland และก่อนหน้านี้ได้จาก Fargo และ Three Billboards Outside Ebbing, Missouri
- พีท ดอคเทอร์ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นคนแรกที่ได้รางวัล Best Animated Feature 3 ครั้ง โดยปีนี้ได้จาก Soul และก่อนหน้านี้เคยได้จาก Inside Out และ Up ส่วนสตูดิโอ Pixar ได้รางวัลนี้เป็นครั้งที่ 11
- มีอา นีล และ เจมิกา วิลสัน เป็นคู่หญิงผิวดำสองคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัล Best Make Up and Hairstyling จาก Ma Rainey’s Black Bottom
- เกลน โคลส ได้รับเสนอชื่อสาขา Best Supporting Actress ถึงจะไม่ได้รางวัล แต่เธอสร้างสถิติเป็นดาราที่ได้เข้าชิงมากครั้งที่สุดและไม่เคยได้รับรางวัล คือรวม 8 ครั้ง จำนวนนี้เท่ากับดาราอังกฤษปีเตอร์ โอทูล
- Netflix เป็นสตูดิโอที่ได้รางวัลมากที่สุด 7 รางวัล ทำให้สถานะสตูดิโอสตรีมมิ่งเจ้านี้ มีราศีทัดเทียมสตูดิโอยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวูดขึ้นมาทันที
- เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ที่รางวัล Best Picture ไม่ได้ถูกประกาศเป็นรางวัลสุดท้าย แต่เป็นรางวัลที่ 3 ก่อนสุดท้าย ก่อนจะปิดด้วยสองรางวัลนักแสดงนำ เรื่องนี้แม้แต่คนร่วมงานเองก็ไม่ทันตั้งตัว
- Nomadland เป็นหนัง Best Picture ที่มีรายได้บ๊อกซ์ออฟฟิศในอเมริกา ต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี คือถึงตอนนี้ทำเงินไปแค่ 5 ล้านดอลล่าร์ แน่นอนว่านี่เป็นผลจากโควิด-19 และการปิดโรงหนังในอเมริกา ก่อนหน้านี้ หนังยอดเยี่ยมที่ได้เงินค่าตั๋วน้อยที่สุดคือ The Hurt Locker จากปี 2008 ทำเงินไป 11 ล้านดอลล่าร์ตอนได้รับรางวัล และเพิ่มเป็น 17 ล้านดอลล่าร์หลังจากนั้น ส่วน Parasite หนังเกาหลีที่ได้รางวัล Best Picture เมื่อปีที่แล้ว ทำเงินไป 53 ล้านดอลล่าร์ในอเมริกา
ประเด็นท้ายสุดเรื่องรายได้ที่ว่าไป เป็นประเด็นที่น่ากังวลของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถึงแม้โรงหนังในอเมริกาเตรียมเริ่มเปิดทำการอีกครั้งหลังจากการฉีดวัคซีนทำได้อย่างรวดเร็ว แต่บาดแผลจากโควิดยังคงไม่จางหาย โดยเฉพาะการเถลิงอำนาจของระบบสตรีมมิ่งและพฤติกรรมผู้ชมที่อาจจะเปลี่ยนไป
ตลอดประวัติศาสตร์ 93 ปีที่ผ่านมา รางวัลออสการ์เป็นการเฉลิมฉลองภาพยนตร์ที่ฉายในโรง และช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมหนัง (แบบเดิม) ทั้งในอเมริกาและทั่วโลกให้คึกคัก แต่ในตอนนี้ แม้แต่ออสการ์เองก็ยังต้องตรวจสอบตัวเองและก้มหน้าก้มตาแสวงหาหนทางใหม่ในโลกภาพยนตร์ที่กำลังเปลี่ยนแปลง
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ